คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
เมื่อวาน (17 สิงหาคม 2562) ได้โพสต์ลงใน Facebook Fanpage Krumontree ด้วยเรื่อง น่าสนใจของารจัดกิจกรรมการเรียนทางวิชาการ ของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้กับเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนในการศึกษาต่อในอนาคต ซึ่งแต่เดิมนั้นเรามักจะคุ้นเคยกับการแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม หรือ 3 สาย คือ สายวิทย์-คณิต (เน้นการเรียนทางด้านคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์) สายศิลป์ (เน้นการเรียนทางด้านภาษาศาสตร์) และสายลูกครึ่ง ศิลป์-คำนวณ (เรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์บ้างแต่ไม่มากเท่าสายแรก และเรียนทางด้านภาษาอีกครึ่งแต่ไม่เท่าสายที่สอง) ซึ่งผลปรากฏว่า เมื่อไปสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว หลายคนเพิ่งมาทราบว่ามันไม่ใช่ทางของตนเอง หรือรู้ตัวตอนที่จะเลือกคณะที่ชอบแต่ดันเรียนมาผิดสาย มีคะแนนในกลุ่มวิชาในคณะที่ต้องการมาไม่เพียงพอตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงเกิดมีการทิ้งที่นั่งในมหาวิทยาลัย (ซิ่ว) มาสอบใหม่ในปีต่อไป หรือบ้างก็ทนเรียนไปแบบจำยอมจนจบในสาขานั้นด้วยความรู้สึกอึดอัดขัดข้อง ล้มเหลวไปก็มี
เมื่อผมอ่านบทความจาก "เว็บไซต์เด็กดี" ที่ไปสัมภาษณ์ทั้งผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้รับผิดชอบในการสอน และนักเรียนที่เลือกเรียนตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีและน่าจะนำมาต่อยอดในโรงเรียนทุกแห่งในประเทศไทย ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร มีการแชร์ออกไปบ้าง เพื่อเป็นการขยายความในเรื่องนี้อีกครั้ง ผมจึงขอนำมาขยายประเด็นต่อ เพื่อช่วยกันคิดรูปแบบที่เหมาะสมนำไปใช้ในบริบทของโรงเรียนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ และโรงเรียนขนาดเล็กในต่างอำเภอ ต่างตำบล เอาไปขยายต่อยอดกันอีกที
ดราม่าการศึกษาไทยวันนี้เกิดจากความไม่เข้าใจในเนื้อหา และอคติทางการเมืองที่เป็นประเด็นที่ไม่ถูกใจฉัน ฉันต้องค้าน ต้องถล่ม ติติง สร้างความเข้าใจผิด เพื่อให้ได้ใจสาวกให้ปลื้มปริ่ม ปรบมือ กรีดร้อง กับวาทะคนรุ่นใหม่ค้นหาจากกูเกิ้ลได้ แต่... ถามจริงๆ เหอะวาทกรรมที่พบเห็นในโลกออนไลน์ กลับเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยศึกษาค้นคว้าจากที่ใดๆ เลย กูก้งกูเกิ้ล เป็นแค่วาทกรรมเท่ๆ ที่เอาไว้หลอกสาวกเท่านั้นเอง
คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงหนุนกระทรวงศึกษาธิการสอนเด็กไทยได้เรียน 3 ภาษา พร้อมหนุนให้มีการเรียนการสอนภาษาคอมพิวเตอร์ เชื่อสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ "
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละ "เด็กไทยได้เรียน 3 ภาษา พร้อมหนุนให้มีการเรียนการสอนภาษาคอมพิวเตอร์" 2 ภาษาแรกคงพอเข้าใจกันได้คือ ภาษาไทยของบรรพบุรุษของเราเอง และภาษาสื่อสารสากลคือภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาที่สามนี่แหละประเด็น "ภาษาคอมพิวเตอร์" พอได้ยินเข้าหูปุ๊บก็ฟันธงปั๊บว่า "นั่นไงต้องมีการจัดสรรงบประมาณมาซื้อคอมพิวเตอร์อีกหลายหมื่นล้าน วางแผนโกงกินกันอีกแน่ๆ แล้วจะมีครูที่ไหนมาสอน? บลาๆๆๆ..." เดี๋ยวๆ ฟังก่อนเพ่...!!!
ข่าวที่น่าสงสารจับใจ... โกงกันได้แม้แต่ "อาหารกลางวัน" เด็กๆ ผู้ใหญ่กินกันจนพุงการ ไม่ละอายกันสักนิด คิดแล้วอนาถนักประเทศไทย เป็นข่าวไม่เว้นในแต่ละวันทีเดียวในช่วงนี้ เป็นในหลายที่หลายจังหวัด ในหลายสังกัดด้วย แต่ที่มีข่าวมากหน่อยกลับเป็นสังกัด อปท. (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ที่น่าจะเกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องที่ช่วยกำกับดูแล และมีส่วนร่วมในการดำเนินการก็ชื่อมันเป็นอย่างนั้น แต่... ในความเป็นจริงกลับเป็นองค์กรที่ได้ชื่อว่างุบงิบกันมากที่สุด (ไม่ใช่ว่าไม่มีดีนะ มีเหมือนกันแต่น่าจะเป็นข้อยกเว้นในไม่กี่พื้นที่ เพราะส่วนใหญ่การได้มาของฝ่ายบริหารองค์กรนั้นได้ชื่อว่า มาจากอิทธิพลในท้องถิ่น การซื้อเสียงมาแต่ต้นจนต้องมาถอนทุนทีหลัง ในสถานศึกษาก็ไม่เว้นเช่นเดียวกัน)
หนูก็อยากมีอาหารกลางวันที่อิ่มอร่อยทุกมื้อ อย่าโกงเอาค่าอาหารหนูไปเลย...
ตั้งแต่ขนมจีนคลุกน้ำปลาที่พ่นพิษถึงกับผู้บริหารโดนไล่ออกจากราชการ มาจนถึงแกงจืดฟักวิญญาณไก่ และอื่นๆ อีกมากในช่วงนี้ ลองถามเพื่อนกู (Google) ดูซิครับคงพบไม่ต่ำกว่า 10 ข่าวทั้งในหนังสือพิมพ์ ข่าวโทรทัศน์ และในสื่อสังคมออนไลน์ มันสะท้อนถึงอะไรกันครับ ยิ่งในช่วงต้นเทอมที่ผ่านมามีการตีฆ้อง ร้องป่าว ให้ทุกโรงเรียนสอนจัดทำหลักสูตรยิ่งใหญ่ๆๆๆๆๆๆๆ ชื่อ "หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education)" แล้วนี่คือบทพิสูจน์ของการใช้หลักสูตรหรือ?
สวัสดีครับเพื่อนครูทั้งหลาย สวัสดีปีการศึกษาใหม่ 1/2562 ได้พบกับเพื่อนร่วมงานเก่าและใหม่ ทั้งที่ย้าย (เก่า) จากที่อื่นมาใหม่ที่โรงเรียนเรา และใหม่ถอดด้ามเพิ่งสลัดคราบนักศึกษาครูมาทำหน้าที่ครูเต็มตัวเสียที พี่เก่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์มามากกว่าก็ช่วยเป็นแรงผลักดันให้น้องๆ ได้ทำงานกันตามหน้าที่ เสียสละ และอดทน (เรื่องนี้มันจำเป็นมากจริงๆ เพราะงานอาชีพครูปัจจุบันนี้นั้นไม่ได้มีเพียงแต่หน้าที่การสอนอย่างเดียว มีอีกร้อยแปด พันเก้า ที่ต้องทำตามคำสั่งทั้งจากหน่วยงานตรงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) เดี๋ยวเจอแล้วจะเข้าใจเองนะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนครับ
เปิดเทอมใหม่ ปีการศึกษาใหม่ทีไร ก็จะมี "ดราม่าของการศึกษาไทย" ปรากฏให้เห็นเต็มจอสื่อทั้งวิทยุ-โทรทัศน์ แล้วก็มีวิวาทะกันด้วยความชอบที่แตกต่างกัน อ้างเมืองนอกเมืองนาทั้งๆ ที่ไม่เคยไปอยู่ ไปซึมซับวัฒนธรรมบ้านเมืองเขา รวมทั้งกฎระเบียบของเราก็บ้าบอเกินไปอ้างว่าเพื่อความประหยัด อนุรักษ์ถิ่นไทยแต่ค่าใช้จ่าบบรรลัยกันทุกปี วันนี้จะมาบ่นในทัศนะของผม จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้นะ "ประชาธิปไตยแล้วนี่ แต่ช่วยมีสติกันหน่อยเท่านั้นเอง" จริงไหมจ๊ะ...
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)