คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
เกือบ 2 ปีแล้วที่มีการระบาดของไวรัสร้าย 'Covid-19' ที่ทุกๆ ประเทศในโลกนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ทั้งทางด้านสุขภาพอนามัย เศรษฐกิจ ชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน รวมทั้ง 'การศึกษา' ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน จากหน้ามือไปจนถึงหลังเท้า เด็กๆ จำนวนมากทั่วโลกก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ไปเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ ต้องเรียนออนไลน์ หรือเรียนผ่านช่องทางอื่นๆ ตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
สำหรับประเทศไทย 'โควิด-19' ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง มีคนจำนวนมากมายต้องอยู่ในสภาพตกงาน ธุรกิจมากมายล้มระเนระนาด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ร้านอาหารปิดกิจการจำนวนมาก ช่วงหลังๆ ธุรกิจการก่อสร้างก็กระทบเพราะการระบาดในไซต์งานจำนวนมาก ทำให้แรงงานจำนวนมากต้องหลั่งไหลกลับบ้านเกิด นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่เราพบเห็นอย่างจริงจัง กระทบมาถึงการศึกษา ที่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ นักเรียนนักศึกษาต้องเรียนออนไลน์ ท่ามกลางสารพัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการเรียน และได้ก่อผลกระทบอีกมากมาย ทั้งการขาดอุปกรณ์การเรียนอย่างเครื่องมือสื่อสาร เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และแม้แต่สัญญาณการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การช่วยเหลือจากภาครัฐที่กระท่อนกระแท่นไม่ทั่วถึง สำรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล่าช้า วิธีการสารพัดปัญหา 108 มาให้ครูและบุคลากรแก้ไขกันรายชั่วโมง เฮ้อ!
เห็นข่าวนี้แล้ว เพื่อนๆ ในวงการไอทีถึงกับกลั้นหัวเราะกันไม่อยู่เลยทีเดียว นี่หน่วยงานราชการไทยช่างล้าหลังเสียเหลือเกินนะ ก็มีนโยบายให้ทุกหน่วยราชการทุกหน่วยปรับตัวเป็น "รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์" มานานนับ 10 ปีแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้นทุกท่านไม่ต้องแปลกใจหรอกที่เวลาหน่วยงานราชการมีอะไรที่ผิดพลาด ก็จะโยนขี้ (ความผิด) หรือโบ้ยไปให้ระบบ (คอมพิวเตอร์) ผิดพลาดมาโดยตลอด (คนป้อนข้อมูลให้ ไม่ใช่หรือ?) อย่างรายชื่อฉีดวัคซีนแนวหน้าที่ซ้ำกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มีการแถ-ลงว่า Google from ผิดพลาด จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้กันดีครับ ยกข่าวมาให้ทราบก่อนสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ติดตาม เพราะมัวแต่สอนออนไลน์ หรือฟังข่าวโควิดจนมึนไปแล้ว
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกฎหมาย สนับสนุน "รัฐบาลดิจิทัล" ภาคธุรกิจสามารถทำธุรกรรม และติดต่อกับภาครัฐผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น โดยในการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 (ระเบียบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์) ระบุ หน่วยงานของรัฐต้องใช้อีเมลในการสื่อสารเป็นหลัก มีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อต่อยอดไปใช้ในการจัดทำระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้
เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งโวยวายนะครับ เพราะเข้าใจได้ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คุณครูในโรงเรียนทั่วประเทศต่างก็ปวดเศียร เวียนเกล้า กุมขมับ กับการรีบเร่งสำรวจจำนวนนักเรียนที่เรียนออนไลน์ ตามไปถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนนักเรียน ผู้ปกครอง เอาเลขที่บัญชีเงินฝากผู้ปกครองมาสรุปรวบรวม กำลังจะเสร็จพลันก็มีข่าวตามมาว่า หยุดไว้ก่อน เดี๋ยวจะโอนเงินไปที่เขตฯ เขตโอนเงินไปโรงเรียน โรงเรียนเอาไปแจกจ่ายให้ผู้ปกครอง แล้วครูทั้งประเทศก็ได้แต่บ่น
อีหยังว่ะ ตรูอดหลับอดนอนมาเกือบ 7 วัน นี่กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว ฮ่วย! "
คิดให้รอบคอบก่อนสั่งการได้ไหม? แสดงให้เห็นได้เลยว่า Big Data มันบิ๊กแต่ชื่อ สำรวจมากี่ปีกี่ชาติก็เป็นเศษกระดาษอยู่ดี ไม่เคยได้เอาไปใช้ประโยชน์สักนิดหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการ เป็นกระทรวงที่สำรวจข้อมูลบ่อยที่สุดในประเทศไทย จนน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น "กระทรวงสำรวจทรัพยากรเพื่อการศึกษาแห่งชาติ" ได้แล้ว กระทรวงที่ได้ชื่อว่า "มีนักการศึกษา นักบริหาร จำนวนมาก แต่ก็เป็นการบริหารข้อมูล 0.1 บนกระดานชนวน ที่พอพ่นน้ำลายออกมามากๆ ข้อมูลบิ๊กๆ ก็ลบเลือนไปสิ้น จนต้องสำรวจใหม่ทุกครั้งไป" จริงไหม?
หลังจากที่ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องประกาศเลื่อนการเปิดเทอมแรก ปีการศึกษา 2564 ถึงสองครั้งสองครา มีหลายโรงเรียนต้องทำการเรียนการสอนด้วยรูปแบบที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน และเริ่มงงกับการดัดจริตใช้คำของผู้นำในวงการศึกษาประเทศสารขัณฑ์นี้ ตั้งแต่ On site, On hand, Online สารพัน ส่วนครูนั้น อ่อนแอ้แล้ หมดพลังไปเนิ่นนานแล้ว พอเริ่มเปิดภาคเรียนกันได้นิดหน่อยในบางโรงเรียนนอกเขตเมืองใหญ่ ลูกหลานเด็กๆ ได้อวดชุดนักเรียนใหม่ได้ไม่กี่วัน การเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จนเกิดการสั่งปิดแคมป์คนงานระยะยาวถึง 30 วัน ทำให้แคมป์แรงงานแตก คนงานกระจัดกระจายกลับบ้าน แล้วสิ่งที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ
ไม่ใช่แต่แรงงานกลับบ้านเท่านั้น แต่พวกเขาเอาพยาธิโควิดกลับมาแพร่สู่ครอบครัว ชุมชน ในต่างจังหวัดกันด้วย คราวนี้ประเทศไทยถูกตีแตกอย่างสมบูรณ์ ยอดการค้นพบผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศสูงขึ้นแตะหลักหมื่นในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว มีการค้นพบผู้ติดเชื้อเป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียน ที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นญาติพี่น้องที่กลับบ้านมาจากแคมป์คนงาน โรงงานอุตสาหกรรม จนโรงเรียนต่างๆ ต้องสั่งปิดเรียนกันอย่างโกลาหล บางโรงเรียนเพิ่งจะเปิดเรียนเป็นวันแรกได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ ก็ต้องให้ผู้ปกครองต้องมารับลูกหลานกลับบ้านทันทีเพื่อหนีการแพร่ระบาดโควิด
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)