จากกรณีข่าวบุกพังสนามสอบ GAT/PAT #โรงเรียนวัดสิงห์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 กุมภาพันธ์ 2562) จนเป็นข่าวโด่งดังท่วมท้นล้นทะลัก ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย ทำให้เกิดความหดหู่ สะท้อนในหัวใจให้เห็นถึงความตกต่ำของสังคมไทย การขาดไร้การศึกษา การนับถือศาสนาที่เปลือกนอก และการมีกฎหมายดีๆ ที่หย่อนยานตรงการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่จะเขียนถึง บ่นถึงในวันนี้ จึงไม่ใช่ปัญหาการพัฒนาการศึกษาอย่างเดียว แต่รวมถึงการวิพากษ์บ้านเมืองไทยเราโดยรวม มาช่วยกันมองถึงจุดเด่น จุดด้อย จุดที่ พรรคการเมือง ผู้บริหารประเทศ ข้าราชการทุกหน่วย และราษฎรทุกคนควรมาร่วมมือกันแก้อย่างจริงจัง
ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยนี้ นอกจะ "ปฏิรูปการศึกษาไทย" แล้วเราจะต้องปฏิรูปอะไรกันอีกบ้าง เพื่อให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข สงบร่มเย็น การเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตยจะแก้ได้ขนาดไหน ใครเห็นอย่างไรมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันครับ อย่าเก็บไว้ในใจเลย
พอมีข่าวนี้ไม่ทันไร ในวันเดียวกันก็มีเหตุสะเทือนขวัญขึ้นอีกกับคนที่มีการศึกษาด้วย กรณีนักเรียนอาชีวะโชว์สาวด้วยการจ้วงแทงเด็ก ม.6 บนรถเมล์กว่า 10 แผลจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "ตลาดล่าง" เข้มข้นเป็นประเด็นขึ้นมาถกเถียงกัน อาจจะสงสัยว่า "อะไรคือตลาดล่าง?" ตลาดที่มี 2 ชั้นแล้วมีคนขายที่ชั้นล่างหรือไร?
"ตลาดล่าง" ที่เป็นประเด็นกล่าวถึงคือ "กลุ่มคนไม่เอาไหน ไม่มีการศึกษามากนัก เด็กแว๊นซ์ ก๊วนนักเลง ฯลฯ ที่มักจะสร้างปัญหาให้กับคนทำมาหากินโดยสุจริต คนที่ปฏิบัติตนเป็นคนดีมีอาชีพในสังคมทั่วไป" อันนี้คือรวมมาจากที่มีการกล่าวถึงเปรียบเทียบกันในเวทีกระทู้พันทิพ (www.pantip.com เว็บบอร์ดที่ได้ชื่อว่ามีความนิยมที่สุดในประเทศ) อยากรู้อะไรเข้าไปหาเถอะเดี๋ยวก็เจอ ข่าวว่าที่นี่มีนักสืบมือดี มีความสามารถไขปัญหาได้หลายเรื่องราว จนขนานนามว่า "นักสืบพันทิพ" ผู้รอบรู้ทุกเรื่องราว
รายละเอียดของข่าวดังทั้งสองขอไม่กล่าวถึงนะครับ คงหากันได้ง่ายๆ และทราบรายละเอียดแล้ว แต่ละคนก็ได้รับกรรมตามกฎหมายบ้านเมืองดังที่เป็นข่าว ที่ผมอยากจะกล่าวถึงคือ ที่มาของเหตุ ที่แสดงถึงความเชื่อในสังคมไทยที่เปลี่ยนไปมากในยุคนี้
สมัยนี้คนไทยนิยมนับถือพุทธศาสนาจาก "พระ" ที่พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน กินใจให้สุขยิ่งๆ ขึ้น บริจาคมากสุขมากๆ นะจ๊ะ แต่พระที่ท่านสอนตรงๆ ให้ละ เลิกกิเลส ให้พ้นทุกข์ ซึ่งมันตรงกับตัวเองนั้นไม่ชอบเลย "ก็ฉันทุกข์ยังจะมาย้ำทุกข์อยู่ได้ อยากให้พ้นหลวงพ่อทำไมไม่บอกตัวเด็ดๆ มาเลย นี่อุตส่าห์หยอดตู้บริจาคไป 20 ให้ถูกรางวัลที่หนึ่งสักใบไม่ได้เหรอ" โยมผู้หม่นหมองคิดดังๆ ในใจจนคนข้างๆ ได้ยิน "แหม่ๆ ญาติโยมก็เกินไปน้อ 20 มันซื้อสลากกินไม่แบ่งรัฐบาลยังไม่ได้เลย แล้วโยมจะเอากำไรได้บุญตั้งเก้าแสนเท่า จะไม่มากไปหน่อยหรือ? และถ้าอาตมารู้เลขตัวเด็ดที่ว่าก็คงไม่บอกโยมดอก อาตมาจะให้ลูกศิษย์ไปซื้อเองจะได้มีเงินซ่อมโบสถ์ ซ่อมศาลาการเปรียญที่หลังคารั่วนี่เสียที" หลวงพ่อไม่ได้กล่าว ผมผู้เขียนว่าเอง
การบวชในพุทธศาสนา ต้นเหตุแห่งการยกพวกบุกโรงเรียนนี่ก็เหมือนกัน ในสมัยพุทธกาลก็ไม่เคยได้ยินว่า มีขบวนแห่กลองยาวอื้ออึงรอบโบสถ์ วนสามรอบก่อนเข้าบวชกันนี่นา ยิ่งในข่าวมีว่า มีการเบิ้ลมอเตอร์ไซค์เสียงดังเพื่อส่งบุญ เสริมบุญหนักๆ ให้คนบวชด้วย ก็ยิ่งไปกันใหญ่เลย คงเคยได้ยินข่าวงานศพแว๊นซ์ รถซิ่ง ก็มีการเบิ้ลรถเสียงดังส่งวิญญาณเพื่อนไปสวรรค์ หรือจะใช้เรียกยมทูตมาเอาชีวิตพวกเบิ้ลเสียงดังนี่ ให้ไปตกนรกหมกไหมด้วยกันเร็วขึ้น ก็ไม่ทราบได้ (สังคมทราม) ผมเคยบวชลูก/หลานก็ไม่เคยทำเยี่ยงนี้ เพราะนำไปบวชในวัดสายวัดหนองป่าพง ของหลวงพ่อชา สุภัทฺโท
ท่านก็ให้ลูก/หลานไปอยู่วัดเพื่อฝึกปฏิบัติด้วยการนุ่งขาว/ห่มขาว ชาวบ้านเรียกว่า "พ่อขาว" อยู่อย่างน้อย 7 วัน บางคนเป็นเดือน สองเดือน จนอุปัชชาย์ท่านแน่ใจว่าสมควรบวชได้ ท่านจึงบวชให้ ท่านจะแจ้งโยมพ่อแม่ให้ทราบวันบวช แล้วก็เตรียมแค่ข้าวหม้อ แกงหม้อไปถวายจังหันในวันบวช ไม่มีการเลี้ยงแห่แหนใดๆ ท่านบวชให้ตั้งแต่ตีสี่โน่น เสร็จช่วงเช้าก็ถวายภัตตาหารเสร็จพิธี บวชที่วัดป่านี่ไม่มี 7 วัน 15 วันครับ ต้องเป็นพรรษา 3 เดือนขึ้นไป
วันนี้ได้อ่านกระทู้พันทิพเรื่อง "ชีวิตต่ำตม" กับการมีแฟนตลาดล่าง นับเป็นการสะท้อนความจริงอีกด้านที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แบบว่าพูดไปก็เสียดายปาก หรือพูดไปก็ไม่สร้างสรรค์อะไรให้ดีขึ้น แต่ผมกลับมองอีกมุมหนึ่ง สรุปมาให้อ่านสั้นๆ ครับ (กระทู้จริงใน "Pantip.com" โดนลบไปแล้ว)
เห็นข่าวบุกโรงเรียนวันนี้ ผมก็เศร้าใจ เพราะข่าวที่เกิดจาก "ตลาดล่าง" ทุกข่าว คุณไม่ต้องหวังว่าพวกเขาจะคิดได้หรอกครับ เพราะพวกเขาคิดตื้นๆ คิดให้มันลึกๆ ไม่เป็น พวกเขาจะมัวเมากับอบายมุข คบแต่คนพาล และมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เขาจะทำตัวเเบบนั้น... "
เจ้าของกระทู้เล่าว่า "เขาเคยมีแฟนเป็นคน "ตลาดล่าง" คบได้ปีหนึ่งก็เลิกรานานหลายปีแล้ว ที่เลิกเพราะคนพวกนี้มักจะมีตรรกะบูดๆ เบี้ยวๆ ในเรื่องที่จะเลวๆ แล้วพยายามหาเหตุผลว่า สิ่งที่กำลังทำนั้นตนไม่ผิด เช่น "กูสามารถขโมยของ หรือ โกงคนอื่นได้ ถ้ากูเดือดร้อน กูจะทำความเลวได้ เพื่อให้ตัวกูรอดได้ คือ กูไม่ผิด กูมีความจำเป็นต้องทำ เพราะกูจน" เหตุผลคุ้นๆ นะ คนจนทำอะไรไม่ผิด และพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะดึงตัวเองออกมาจากความต่ำตมได้
วันๆ พวกนี้จะพูดถึงแต่เรื่องเงิน แต่ไม่ได้พูดว่า จะทำเงินหาเพิ่มอย่างไรให้งอกเงยนะ แต่สิ่งที่คุยคือ "จะไปกู้ใครดี ร้อยละยี่สิบก็เอา" หรือ ยุกันให้เอาทรัพย์ที่มีไปขาย หรือให้ไปหลอกคนอื่นมา บอกให้ผมไปหยิบยืมญาติพี่น้อง หรือทำยังไงก็ได้เพื่อหลอกเอาเงินมาให้ ซึ่งผมรับไม่ได้ และพวกนี้ก็ทะเลาะกันได้ทุกวัน พ่อ-แม่-ลูก-พี่-ป้า-น้า-อา ทะเลาะกันได้ทุกวัน จะสงบเฉพาะในวินาทีที่มีเหล้ากินเท่านั้น
การได้เงินจากการทำงานน้อยมาก ส่วนใหญ่จะได้มาในทางมิชอบ ได้เงินมาอย่างแรกคือ "กิน" โต๊ะใหญ่เหล้ายาปลาปิ้งครบครัน จัดหนักถ่ายรูปโชว์ลงโซเชียล เงินเก็บหรือ? ไม่มี ไม่คิด หมดก็ไปหากู้ยืมมาใหม่ ที่สำคัญขี้เกียจด้วย เคยให้ทุนแฟนไปขายของ ขายอยู่วันเดียวเลิก นอนตื่นสายไม่ไป สุดท้ายเจ้ง เรื่องการศึกษาจะให้เรียนไปทำไม จบ ป.๖ ก็หรูแล้วออกมาทำมาหากิน เรียนให้เปลืองทำไม"
แล้วยังมีผู้เข้ามาตอบกระทู้นี้ด้วยหลายคน แต่ละคนก็บอกสาเหตุและแนวคิด "ตลาดล่าง" ได้ชัดเจนมาก จนคนทั่วไปส่วนใหญ่ที่ไม่ได้สัมผัสตรงๆ ถึงกับเหวอหรือเงิบกันไปข้าง ยิ่งนักสังคมสงเคราะห์ NGO ก็ไม่รู้เขาจะคิดกันยังไง
ความคิดเห็นที่ 17
เจ้าของกระทู้พูดถูกหมดจ้า จากประสบการณ์ทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมนะคะ โรงงานนั่นแหละว่าง่ายๆ ถ้ามีโอกาสได้เงินฟรี ของฟรี เป็นต้องโดดใส่ แบบในเฟซที่เปิดให้ลงทะเบียนใส่เลขบัตรปชช. เพื่อแลกของนี่ทำทันที เงินทองมักหมดกับหวย การพนัน กินเที่ยว วันเงินเดือนออกคือต้องใช้ๆๆๆๆ แทงหวยสองพัน ถูกห้าร้อย ฉลองไปสามพัน
แนวทางการเพิ่มรายได้ คือ หาแหล่งกู้เงินใหม่ ให้เรียนอะไรเพิ่มพูนทักษะความรู้ไม่อยากเรียน เบื่อเหนื่อยเซ็งเครียด แต่อ่านข่าวดาราดูซีรีส์เป็นวันๆ ทำได้ จนถึงลูกตัวเอง ไม่อยากเรียนก็ปล่อยตามใจ ซื้อมอไซค์ให้กลายเป็นเด็กแว๊นซ์ไปอีก
ไม่ค่อยรู้จักค่าของเงิน ข้าวของเครื่องใช้ซื้อมาแล้วไม่ระวัง รถเอาไปชน เอาไปตกคูน้ำ มือถือไม่พอใจขว้างใส่แฟน พัง! แล้วบ่นว่าไม่มีเงินซื้อใหม่ และไม่วางแผนการเงินอะไรทั้งนั้น มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น หรือใช้มากกว่านั้น เรื่องเก็บออมไม่ต้องคิด หลายคนไม่ใช่คนเลวนะคะ แต่เขาคิดตื้นๆ สั้นๆ และโดยมากเป็นมาตั้งแต่พ่อแม่สืบทอดไปสู่ลูก "
ความคิดเห็นที่ 38
มีเยอะเลยแบบนี้ มีรถแต่งซิ่ง แว๊นซ์ ถ่ายรูปอวด งานไม่ทำ ขายของก็เจ้งซ้ำซ้อน ให้ไปสมัครงานก็ไม่อยากเป็นลูกน้องใคร หรือไม่ก็ไม่อยากเริ่มงานเช้า ไม่ชอบถูกบังคับ เงินที่ใช้กินอยู่ กู้เอา ยืมเอา ตอนรัฐบาลปราบเงินกู้นอกระบบหนักๆ ตอนแรกคนพวกนี้ก็ชื่นชม เพราะตัวเองได้ปลดหนี้โดยปริยาย เวลาผ่านไปไม่ถึงปี ด่าซะแล้ว ว่าจะปราบทำไม ไม่มีเงินจะใช้แล้ว วันๆ ขับรถวนรอบตลาดหากู้ หายืมเงิน แต่แปลก คนพวกนี้กลับมีเงินซื้อมอไซด์ใหม่ๆ ตลอด ซื้อหวย ซื้อเหล้า ซื้อทอง ซื้อยาลดความอ้วน ยาขาว ไม่รู้มีชีวิตด้วยอะไร
แต่...อย่าเข้าไปตำหนิ หรือแนะนำ หรือยุ่งกับเขานะ ยกพวกมาถล่มเราแน่นอน และ พวกเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกต่างหาก.... กระซิบบอกนิดนึง ที่ราคายาบ้ามันตกต่ำ เหลือเม็ดละ 50 บาท มันไม่ใช่เศรษฐกิจไม่ดีจนราคายาตกต่ำ แต่มันตัดราคาแข่งกัน เพราะใครๆ ก็ขาย มีแต่พ่อค้าแม่ค้า เทรนอาชีพที่คนรากหญ้าตอนนี้อยากทำ ไม่ต้องใช้ความคิดมาก (ปวดหัว) ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร (เสียศักดิ์ศรี) ไม่ต้องมีใครมาบังคับ (อยากขายตอนไหนก็ได้) ไม่ต้องเหนื่อยมาก (แค่ส่งแค่ขาย) แต่ผลตอบแทนดี สบาย รวยง่ายๆ ... "
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่ใช่ว่า พวกเขาขาดโอกาสทางการศึกษา พวกเขาไม่รับอะไรที่เกี่ยวกับการศึกษา เพื่อนำมาพัฒนาชีวิตมากกว่า เพราะมันช้า มันลำบากสำหรับคนกลุ่มนี้ ถ้ามีเงินด้วยการลงทะเบียนจะไม่มีรีรอ... เขาทำเพื่ออัพเกรดตัวเอง เราไม่ได้เหยียดพวกเขา แต่ที่พบเจอ เป็นแบบนั้นจริงๆ
บางคนเป็นนักศึกษา แต่เขียนภาษาไทยยังไม่รู้เรื่องเลย สุดท้ายก็ไม่จบ แค่ยังได้ชื่อว่า เคยเรียนมหาลัย แต่คนที่รักดี ก็ยังมีค่ะ แม้จะน้อยไปสักหน่อย กลุ่มนี้จะน่าเห็นใจมาก เพราะต้องอดทนกับสภาพแวดล้อม เพื่อให้ตัวเองก้าวข้ามความต่ำตมของคนรอบตัว บางคนไปรอด บางคนต้านกระแสพาตัวเองไปไม่ไหว สุดท้าย ก็เป็นไปตามบุญตามกรรม... "
มาถึงตรงนี้ก็เลยทำให้คิดว่า "การศึกษาไทย" เรามาถูกที่ถูกทางไหม ในการศึกษาภาคบังคับเราควรจะให้อะไรกับเด็กและเยาวชนกันดี แค่อ่านออกเขียนได้คงจะไม่พอครับ สิ่งที่ผมมองลึกลงไปคือเราขาดเรื่อง "จริยธรรม คุณธรรม และการครองตนในสังคม" โดยเฉพาะต้องมีการจัดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่า คนที่จะไปต่อในชั้นสูงขึ้นควรจะได้เรียนรู้เพื่อต่อยอดด้านวิชาการ ส่วนคนที่จะออกไปประกอบอาชีพหรือไม่มีความพร้อมในการศึกษาต่อ ควรจะให้ความรู้ในการประกอบสัมมาอาชีพ อยู่ได้ในสังคมต่อไป กระทรวงศึกษาธิการได้คุยว่ามี "Big Data" ที่ให้ครูได้กรอกลงระบบมากมายจนไม่เป็นอันทำงานสอน บ้างก็ต้องถ่างตารอคอยการกรอกข้อมูลตอนตีสองถึงรุ่งเช้า ที่อภิมหาเครือข่ายของกระทรวงเพิ่งจะกระดิกตัวได้ หลังจากนาฬิกาทรายหมุนติ้วๆๆๆ มาทั้งวัน เอามาใช้ประโยชน์เพื่อการนี้ได้ไหม?
ลองไปหาข้อมูลในประกาศราชกิจจาดูครับในเรื่องที่ท่านสนใจ จะเห็นได้ว่า "กฎหมายไทย" ส่วนใหญ่ดี มีความทันสมัยต่อสถานการณ์ มีการปรับปรุงค่อนข้างบ่อย มีบทลงโทษที่พอเพียง เหมาะสม แต่ "การบังคับใช้กฎหมาย" หรือ "การตีความกฎหมาย" นั่นค่อนข้างจะศรีธนญชัยไปหน่อย ทั้งการตีความให้ประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยๆ ไปเดี๋ยวก็ชินกันเอง อย่างกรณี #โรงเรียนวัดสิงห์ นี่ก็เหมือนกัน ตามข่าวว่า ทำไมตำรวจไม่จับกุม ปล่อยให้โจ๋แก๊งค์นี้กลับบ้าน ทางตำรวจบอกไม่ใช่เหตุการณ์เกิดซึ่งหน้า ต้องมีคนแจ้งให้จับก่อน...
ผู้รักษากฎหมายตั้งป้อมรับสถานการณ์ในที่ตั้ง หากไม่มีคำสั่งกำชับให้ลงไปปฏิบัติจะดูดาย พูดง่ายๆ คือ การทำงานเป็นแบบตั้งรับ ไม่มีการลงชุมชน สืบ สอบสวนหาข่าว (แม้จะมีการออกตรวจตราก็แค่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปเซ็นชื่อในตู้แดง ตู้แดงก็จะไปติดตั้งในที่ที่มีค่าน้ำร้อนน้ำชา คงไม่นอกเหนือความจริงนัก ขนาดมีพี่จ่าเคยโทรหาผมสมัยเป็นเลขานุการ นิติบุคคลหมู่บ้าน ว่าขอเดือนละพันห้าจะมาติดตู้แดงที่อาคารสำนักงานหมู่บ้านให้) จึงมีกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจไม่แพ้การปฏิรูปทหาร และการศึกษา
ประเด็นนี้ส่วนใหญ่มีการให้ความเห็นว่า ควรแยกตำรวจนครบาลไปสังกัดกรุงเทพมหานคร แยกภูธรจังหวัดแต่ละแห่งไปสังกัดส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ตำรวจและประชาชนไม่แปลกแยกกัน ตำรวจมาจากประชาชนในท้องถิ่นนั้นเหมือนกับในนานาอารยะประเทศ ตำรวจส่วนกลางจะเหลือเพียงหน่วยคอมมานโด สอบสวนกลาง ดีเอสไอ เท่านั้น เพื่อให้กำลังพลของฝ่ายตำรวจแฝงตัวในชุมชนเป็นหนึ่งเดียว (เป็นคนในท้องที่) สดับฟังข่าวสาร สืบหาเหตุการณ์ต่างๆ ปฏิบัติการในเชิงรุก ป้องกันปราบปรามมิให้เกิดเหตุร้าย ไม่ใช่นั่งรับรอการแจ้งความที่สถานีอย่างทุกวันนี้ กรณี #โรงเรียนวัดสิงห์ ก็เช่นกันถึงกับ ผบ.ตร. ออกมากำชับให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เอ๊ะ! ถ้าไม่สั่งก็ทำไปงั้นๆ ล่ะซินี่ มีบางคนบอกที่เหตุการณครั้งนี้ดำเนินการรวดเร็วเกินเพราะ โรงเรียนนี้อยู่ใกล้สถานีตำรวจ สำนักงานอัยการ อ้าวๆ ถ้าเกิดในที่ห่างไกลคงเงียบไปเลยสินะ
อีกประเด็นหนึ่ง ขบวนแห่กลองยาว ส่งเสียงดังนี่จริงๆ แล้วมันผิดกฎหมายในเรื่อง "การใช้เสียง" ที่ต้องขออนุญาตกับส่วนท้องถิ่น (อบต. เทศบาล อำเภอ) แต่พวกเรา (ในทุกที่) ก็มักจะหยวนๆ กันว่า "เอาเถอะงานบุญ ไม่ได้มีทุกวัน ทนๆ กันไป" มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เพราะความเกรงใจและมักง่ายไง แค่การแห่กลองยาวปรกติก็คงจะพอทนได้ในระดับหนึ่งล่ะ (ในอดีต) แต่ปัจจุบันนี่มันมีการใช้เครื่องดนตรีอื่นมาประกอบด้วย มีการใช้เครื่องขยายเสียงมาช่วยให้ดังสู้เสียงกลอง เช่น เสียงพิณ กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด นักร้อง เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ยานพาหนะใส่ในการเคลื่อนที่กลายเป็น "รถแห่" ที่มีกันดาษดื่นทั่วไทย คราวนี้มันดังไม่ธรรมดาเสียแล้ว ถึงขั้นกระจกประตูหน้าต่างสะเทือนเลือนลั่นกันเลยทีเดียว คราวนี้เราจะไม่ทนครับ แจ้งตำรวจจับได้เลยถ้าไม่มีการขออนุญาตจากท้องที่มีความผิด ผู้ได้รับอนุญาตก็ต้องใช้เสียงได้ตามสมควรมีข้อจำกัด แจ้งชุมชนให้รับทราบล่วงหน้าว่าจะใช้เสียงวัน/เวลาใด เพื่อไม่ให้เดือดร้อนรำคาญ นานเกินเหตุนั่นเอง กรณีนี้ เสียงดังอย่างนี้ อยู่ใกล้โรงพัก เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจคือ "ตำรวจ" ควรจะมากำชับตักเตือนให้อยู่ในขอบเขตได้ แต่ก็ไม่มีการทำ
การแห่นาคไม่ผิด แต่... การดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่ราชการ วัด โรงเรียน ก็เป็นการผิดกฎหมาย (แต่ไม่มีคนใส่ใจ ไม่คิดว่ามันผิด ในทางปฏิบัติมันก็ขัดๆ กันอยู่นะกับหลักศาสนา มากินเหล้าเข้าวัดเนี่ยะ) ทำบุญด้วยการทำบาป และทำผิดกฎหมายด้วย ไม่มีใครจับมาลงโทษเพราะไม่มีใครมาแจ้ง เราจึงเห็นงานเลี้ยงฉลองในวาระต่างๆ เมาแอ๋ในหอประชุมโรงเรียน ทำได้ซิเพราะนอกเวลาราชการแล้ว มันใช่หรือ? ไปอ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องดูกันเอาเองเถอะครับ
กฎหมายจึงไม่ควรตราและประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาอย่างเดียว ควรมีช่องทางมานำเสนอแง่มุมต่างๆ ให้ประชาชนรู้ ที่ไม่ใช่รายการสั้นๆ "กฎหมายควรรู้" เพราะ "รีโมทอยู่ในมือประชาชน" ควรสอดแทรกในละครที่เป็นที่นิยมในคนทุกวัย หรือรายการบันเทิง เกมโชว์อื่นๆ แบบไม่ให้รู้ตัวกันทีเดียวจะดีที่สุด “ความไม่รู้กฎหมายไม่อาจเป็นข้อแก้ตัวได้” นั้นมาจากภาษาลาตินที่ว่า “Ignorantia juris non excusat” หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Ignorance of the law is no excuse. เป็นหลักกฎหมายที่นานาประเทศรวมถึงประเทศไทยได้ยอมรับ และปฏิบัติตามมานานแล้ว ประมวลกฎหมายอาญาของไทย มาตรา 64 บัญญัติไว้ว่า “บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้"
วันนี้มาหลายเรื่องเป็นชุด แต่ทุกเรื่องล้วนเกี่ยวข้องกับ "การศึกษา" การให้การศึกษาให้ความรู้กับประชาชนทุกคนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็ควรได้รู้เพื่อประโยชน์แห่งตน ในการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขในสังคมร่วมกัน
ครูมนตรี
27 กุมภาพันธ์ 2562
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ศาลอาญาธนบุรี ได้พิพากษาจำคุก แก๊งงานบวชบุกถล่มโรงเรียนวัดสิงห์ 16 คน พร้อมให้จ่ายค่าเสียหายกว่า 1.8 แสนบาท จึงเห็นว่า ศาลได้พิพากษาลงโทษสถานหนักแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เป็นการท้าทายสังคมและกฎหมาย โดยคำตัดสินก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
ซึ่งเป็นบทเรียนอันสำคัญให้กับวัยรุ่นที่ไปกับเพื่อน "ต้องรู้จักรักตัวเองให้มาก สถานที่ใดเป็นสถานที่อโคจรก็ไม่ควรไป และต้องรู้จุดไหนสถานการณ์ใดควรต้องแยกตัวออกมา ไม่ว่างานบวช หรืองานรื่นเริงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากมีสุรา สิ่งมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา ดังนั้นเราต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดคือ พ่อแม่และตัวเราเอง"
รายละเอียดอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.one31.net/news/detail/14754
ครูมนตรี
1 ตุลาคม 2562
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)