คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
การระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ไม่ได้มีผลเฉพาะด้านสุขภาพของประชาชน การล่มสลายของเศรษฐกิจทั่วโลกเท่านั้น การศึกษาของประเทศไทยเราก็โดนผลกระทบเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น ตั้งแต่การสั่งปิดสถานศึกษา (ก่อนกำหนด) งดการจัดการเรียนการสอนปกติ งดการจัดกิจกรรมการสอบ การรับเอกสารสำคัญในการจบการศึกษา เลื่อนการรับนักเรียนใหม่ออกไป (ยังไม่มีกำหนด) ให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในสถานศึกษาทุกระดับ ซึ่งบรรดาครู-อาจารย์ส่วนใหญ่ก็ขานรับ และกำลังเตรียมการกันในช่วงประกาศหยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษไปถึง 30 มิถุนายน 2563
แต่ก็มีความอึดอัดใจมากที่ได้เห็นข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) มีความคิดจะแจกแท็ปเล็ตให้กับนักเรียนอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า "อย่าเอาความเชื่อเรื่องเดิมในรัฐบาลก่อนมาเป็นประเด็น ย้ำ การแจกแท็ปเล็ตจะไม่ทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา" ตามข่าวว่าจะแจกให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่ใช่กลุ่มเด็กเล็ก พอข่าวนี้ออกมาก็มีเสียงกระหึ่ม "ค้าน" จากครูและนักการศึกษาส่วนใหญ่ของประเทศทันที เพราะอะไร?
การระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ไม่ได้มีผลเฉพาะด้านสุขภาพของประชาชน การล่มสลายของเศรษฐกิจทั่วโลกเท่านั้น การศึกษาของประเทศไทยเราก็โดนผลกระทบเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น ตั้งแต่การสั่งปิดสถานศึกษา (ก่อนกำหนด) งดการจัดการเรียนการสอนปกติ งดการจัดกิจกรรมการสอบ การรับเอกสารสำคัญในการจบการศึกษา เลื่อนการรับนักเรียนใหม่ออกไป (ยังไม่มีกำหนด) ให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในสถานศึกษาทุกระดับ
เรื่องการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ (e-Learning, Distance Learning etc.) นั้นมีการผลักดันให้ใช้งานกันมานานแล้ว มีครู-อาจารย์ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา นำเอามาใช้งานพร้อมกับทำงานวิจัย เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในการขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ การจบการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นมากมากมาย แต่หลังจากได้ตำแหน่ง หรือรับปริญญาบัตรแล้ว ก็ทอดทิ้งไปไม่ใยดี ทั้งที่ในรายงานนั้นบอกว่ามีผลดีเลิศประเสริฐนักแล ใยจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เป็นได้เพียงคำถามของนักเทคโนโลยีทางการศึกษา คนที่คอยผลักดันอย่างผมนี่ก็ชอบถามเสมอ
มาบัดนี้ การปฏิวัติล้างโลกของเจ้าโควิด-19 ก็ส่งผลกระทบให้กับครู-อาจารย์เราในทันทีชนิดตั้งตัวไม่ทัน ทั้งจากคำสั่งของผู้บังคับบัญชาให้ทำ (ทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และมัธยม-ประถมศึกษา) ทั้งโอกาสในการจัดการเรียนการสอนแบบกลุ่มใหญ่ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อด้วย การศึกษาจึงถูกผลกระทบทำให้หยุด (disrupt) รูปแบบการสอนเดิมๆ อย่างทันที โดยไม่ใช่เพราะเทคโนโลยี 5G หรือ 6G แต่อย่างใด เพราะ COVID-19 ล้วนๆ
ภายใต้ภาวะที่สภาพการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป หลายภาคธุรกิจต้องการบุคลากรที่มีความรู้ มีทักษะแบบใหม่เข้าทำงาน แต่กลับประสบปัญหาในการหาแรงงานที่มีทักษะที่ตรงกับความต้องการ เพื่อการเติบโตของธุรกิจในโลกอนาคตไม่ได้ การศึกษาไทยไม่ตอบโจทยฺนี้หรือ?
จะมีบัณฑิตจบใหม่ปี '63 ว่างงานกว่า 340,000 คน เมื่อรวมกับคนตกงานเดิมๆ อีกกว่า 430,000 คน
ปีนี้จะมีคนว่างงานเพิ่มกว่า 700,000 คน โดยเป็นแรงงานเพศชายมากกว่าเพศหญิงร้อยละ 0.5 "
จึงมีคำถามไปยังภาคการจัดการศึกษาว่า "ประเทศไทยเราสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีการศึกษามากขึ้นได้ถูกทางแล้วหรือยัง? หลักสูตรการศึกษาสนองตอบต่อภาคธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด? เหตุใดจำนวนบัณฑิตตกงานจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ" ซึ่งสวนทางกับการสำรวจของ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
ข้อมูลนี้แสดงให้เราเห็นอะไรบ้างนะ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่า "คนต่างด้าวมาแย่งงานคนไทย" แต่ถ้าดูลึกๆ ในรายละเอียดกลับไม่ใช่เลย เพราะเมื่อผมไปดูรายงานของ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน พบว่า ในจำนวนแรงงานต่างด้าวสามล้านคนนั้น เป็น
ว่าจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับการศึกษาสักครึ่งปี ก็อดไม่ได้อยู่ดี กับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นมาในช่วงนี้ กับกระทรวงที่ได้ชื่อว่า "พัฒนาคน พัฒนาชาติ" แต่ก็ไปได้ไม่ถึงไหนสักที กี่รัฐมนตรี กี่เจ้ากระทรวง ทั้งที่มาจากหมอ จากทหาร จากครูเก่า ก็ล้วนแต่มีนโยบายจะพัฒนาการศึกษาก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำ แต่ก็ทำแค่ปรับปรุงเก้าอี้นั่งของข้าราชการในกระทรวง ตั้งโน่น ยุบนี่ เกาไม่ถูกที่คันเลย เพราะที่ท่านทำไม่ได้มีส่วนให้เกิดการพัฒนาการศึกษา มีแต่เกิดพรรคพวก เกิดการแบ่งแยกและโยนงานกันไปมา คนรับกรรมคือ นักเรียน และครูน้อยๆ ในโรงเรียนทั้งสิ้น
แทนที่จะกระจายอำนาจทางการศึกษาลงไปยังหน่วยเล็กๆ ในโรงเรียน พวกท่านกลับไปทำการแบ่งงานการ สั่งจากบนลงล่าง ข้ามสายงานบังคับบัญชา ให้มันเกิดคอขวดเล่นๆ ซะงั้น มีการติติงเรื่องความล่าช้าในการทำงานทีไร ท่านก็อ้างว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ สั่งให้กรอกข้อมูลพื้นฐานกันใหญ่ (คือกรอกกันทุกเริ่มปีการศึกษากับข้อมูลเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ยังกับที่ดิน หรืออาคารมันจะงอกขึ้นได้เอง มันก็มาจากงบประมาณที่พวกท่านจัดสรรลงมา ตั้งงบประมาณกันเอง แล้วไม่มีข้อมูลกันหรือไร ถึงต้องให้โรงเรียนกรอกซ้ำๆ อยู่นั่น) เพื่อให้ได้ Big Data จนหาอะไรไม่เจอ เป็นงงจริงๆ
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)