คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนครูผู้เสียสละทุกท่าน ที่ได้ทำงานสอนสั่งลูกศิษย์ให้ได้ความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ เพื่อก้าวเดินไปสู่สังคมอย่างมั่นคง จนครบวาระต้องวางพาย "เกษียณอายุ" ในวัย 60 ปี ขอให้ทุกท่านได้รับอานิสงส์จากความตั้งใจและอุตสาหะอันยาวนานนี้ มีสุขภาพกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่สดชื่น มีความสุขกับครอบครัวตลอดไปครับ
"ครูคือเรือจ้าง" แต่เป็น "เรือจ้าง" ที่ไม่รับค่าโดยสาร ไม่มีค่าบริการใดๆ แต่มีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ด้วยความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความใส่ใจในการดูแลอย่างดีที่สุดในระหว่างการเดินทางของผู้โดยสารตัวน้อย ค่าตอบแทนที่เรือจ้างได้รับคือ ความสุขใจ ปลื้มปีติใจทุกๆ ครั้งที่เห็นผู้โดยสารถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย และเขาเหล่านั้นสามารถที่จะดำเนินชีวิตที่ดีมีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคง เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมที่หล่อเลี้ยงชีวิต ชื่นใจ อิ่มเอมทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยินข่าว ความสำเร็จ ความก้าวหน้าในชีวิตของลูกศิษย์
แม้ว่า ในสมัยนี้ "ผู้โดยสาร" (บางคนที่คิดหรือถูกสั่งให้คิดว่า ตัวเองหัวก้าวหน้า) บางรายจะไม่คิดเช่นนี้แล้ว ด้วยความเข้าใจผิดๆ ว่า "เรือจ้าง" "ครู" หรือ "ผู้รับจ้างสอน" กันแน่ ก็พ่อแม่เราจ่ายเงินจ้างให้มาสอน ทำงานชำระภาษีให้รัฐบาลจ้าง "ครู" มาสอนไม่ใช่หรือ? แต่ผู้ที่ประกอบอาชีพครูเฉกเช่นอาชีพอื่นๆ ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะว่า "ครู" ไม่ได้มีหน้าที่เพียงเพื่อเดินเข้ามาสอนในชั้นเรียน หมดเวลา หมดคาบ แล้วจากไป แต่ครูได้ทำหน้าที่อื่นๆ ด้วยความเอาใจใส่มากกว่านั้น ทั้งในเวลา นอกเวลา เป็นครูตลอด 24*7 ของลูกๆ ทุกคน คอยชี้แนะแนวทางในการศึกษาหาความรู้ การประพฤติปฏิบัติให้เป็นคนดีในสังคม แนวทางในการเลือกอาชีพ ทำมาหากินในอนาคต แม้ลูกศิษย์จะเรียนจบไปแล้วก็ยังคอยถามไถ่ถึงความสำเร็จของศิษย์อยู่เสมอ ไม่เคยทวงถามถึงบุญคุณนั้นแม้สักนิดเดียว
ผมห่างหายไปจากการอัพเดทบทความไปร่วมปีเลยนะครับ เคยเขียนมาแล้วสัก 2-3 บทความแล้ว แต่ก็ไม่เผยแพร่ให้ใครได้อ่าน ลบทิ้งไปเฉยๆ เพราะมันก็เรื่องเก่าๆ ที่ไม่ว่าผมหรือนักวิชาเกินนอกราชการ นอกกระทรวงทั้งหลายต่างก็พูดและบ่นถึง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ไม่เกิดผลอะไรในทางปฏิบัติ สุดท้ายก็ยังอยู่วังวนเดิมๆ มีการปรับเปลี่ยนแต่เพียงเก้าอี้ของฝ่ายบริหาร เพื่อแบ่งปันยศฐาบรรดาศักดิ์ ที่ไม่ได้ก่อเกิดความเจริญงอกงามแก่การจัดการศึกษาแม้เพียงน้อยนิด การศึกษาไทยกลายเป็นปิรามิดกลับด้าน ที่ฐานอยู่ข้างบนกระจายบานออกด้วยตำแหน่ง แล้วเรียวเล็กลงมาหาคนปฏิบัติการ (ก็ "ครู" นั่นแหละ) ที่น้อยทั้งจำนวน ทั้งค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ ทำตามคำสั่งที่เบื้องบนบอกให้ "เสียสละ" เสียจนกระทั่งไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั๊ง สูญเสียทั้งเวลาให้ครอบครัว เงินเดือนที่มีเพียงน้อยนิด ไปกับการพยายามสร้างการเรียนรู้ให้ลูกหลาน
ผ่านปีใหม่มาแล้ว 1 เดือน ข่าวคราวด้านการศึกษาของไทยก็ยังคงหนีออกจากหลุมดำไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้คำว่า "ปฏิรูป ปฏิวัติ" ก็ยังคงย่ำอยู่กับที่ไม่หลุดพ้นไปไหน จะเรียกว่า "วังวน" หรือ "หลุมดำ" ทางการศึกษาก็คงจะไม่ผิดนัก นโยบายที่เพียงเป็นการตอบสนองความต้องการเจ้านาย และคำหวานที่โปรยออกมาแล้วก็ทำไม่ได้ สั่งเหมือนสั่งขี้มูกยังไงยังงั้น เอาตัวอย่างมาสิจะได้ชัดเจน "การสอบวัดผลระดับชาตินั่นปะไร ให้สอบตามความสมัครใจ ใครใคร่สอบ สอบ ใครไม่อยากวัดตัวเองก็ไม่ต้องสอบ" แต่... ในความเป็นจริง เจ้านายที่สิงสถิตย์บนสำนักเขตกลับต้องการ "ตัวเลขอันสวยหรูเพื่อรายงาน" จึงสั่งการลงมายัง ผอ.(ผัวอีอ้อย) ให้ดำเนินการให้ได้ปริมาณสูงสุด โรงเรียนใดไม่ทำการตามที่สั่ง การประเมินเลื่อนขั้นย่อมมีปัญหาตามมา ไม่บอกก็รู้ใช่ไหม?
วันเวลาไม่เคยคอยใคร แล้ววันนี้การหมุนของนาฬิกาก็จะเวียนมาถึงช่วงเปลี่ยนศักราชใหม่กันอีก อายุเราก็ต้อง +1 เข้าไปกันทุกคน แต่ปัญหาการศึกษาของชาติไทยเรากลับไม่ได้ก้าวหน้าไปตามวันเวลาที่ผ่านไป ไม่ว่าจะผ่านมือผู้บริหารที่เป็นครู-อาจารย์ในรั้วสถาบันการศึกษาระดับใด ผ่านมือหมอมาก็หลายคน ผ่านนายทหารจากหลายเหล่าทัพ รวมทั้งนักการเมืองมากหน้า สุดท้ายก็ยังย่ำเท้าไม่หลุดจากวังวนคนสอพลอรอบข้างไปได้สักที ปีหน้านี้จะเห็นแสงสว่างบ้างไหมหนอ?
ยิ่งมาเจอเข้ากับสถานการณ์ยากลำบากในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนยังคงว่างเปล่า ไร้เงาความน่ารัก ร่าเริงสดใส ของลูกหลานเราในวันนี้ ส่วนใหญ่ยังต้องเรียนออนไลน์กันอย่างไม่หยุดหย่อน ได้ความรู้มากบ้าง น้อยบ้าง ตามศักยภาพของตัวผู้เรียน รวมทั้งการเข้าถึงสื่อกลางออนไลน์ต่างๆ ที่ยังคงห่างไกลกับผู้เรียนจำนวนมากของประเทศนี้ ที่เรียนกับครูกระดาษ (ใบงาน) ที่ไม่มีใครอธิบายพร่ำสอน ด้วยพ่อแม่ ผู้ปกครองก็ต้องทำมาหากินก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่สามารถอธิบายให้ความหมาย ความรู้อะไรได้ ด้วยยุคสมัยของการเล่าเรียนที่ผ่านมาแตกต่างกัน "การอ่านไม่ออก ซ้ำเขียนไม่ได้" ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของผู้เรียนใน พ.ศ. นี้ไม่เปลี่ยนแปลง
การอ่านออก เขียนได้เท่านั้น จะทลายกำแพงการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จได้"
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)