เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากที่ตนได้พาคณะผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ มีความต้องการให้นักเรียนทั่วประเทศได้มีโอกาสใช้อินเตอร์เน็ตทุกคน ซึ่งต้องจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอีก 250,000 เครื่อง และนายกฯ ทักษิณ ยังได้สั่งการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ติดตั้งระบบโทรศัพท์ใน 10,000 โรงเรียน ที่ยังไม่มีให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ส่วนการจัดหาคอมพิวเตอร์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปี 2549
ดังนั้น ภายใน ปีการศึกษา 2549 นักเรียนwmpทุกคนจะต้องได้ใช้อินเตอร์เน็ต โดยในอนาคตนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะต้องมีคอมพิวเตอร์ใช้ในสัดส่วน 1:25 จากที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1:70-80
การทำให้คนรู้จักโลกกว้างทางการศึกษา มองเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพสุจริต ด้วยการทุ่มงบประมาณลงไปที่การศึกษานั้น เกิดผลดีในระยะยาวมากกว่าการทุ่มเงินละลายแม่น้ำไปกับการแก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า ผมยังคงยืนยันและเห็นด้วยกับคำกล่าวของ คุณลุงประยงค์ รณรงค์ (ชาวบ้าน ปราชญ์ ป. 4 ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซปีนี้) ที่บอกว่า "ถ้าคนจนยังไม่รู้ตัวว่าตนเองจน ต่อให้รัฐบาลทุ่มเงินนับแสนล้านบาท ก็ไม่มีทางทำให้คนไทยหายจนได้" คำตอบนี้อยู่ที่การศึกษาใช่ไหมครับ?
คิดใหม่ ทำใหม่ กับนโยบายการศึกษาของชาติ นี่ดูจะไม่เข้าท่าเสียแล้วล่ะครับ มันเหมือนพายเรือในอ่างวนไปวนมาจริงๆ ลองอ่านข่าวนี้ดูซิครับ นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้า การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ว่า คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะกรรมการพัฒนารูปแบบ และกระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ศึกษาและพบว่า
หลักสูตรปี 2544 กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ไว้กว้างมาก มีความซ้ำซ้อน ไม่ชัดเจน และยังไม่ครอบคลุมองค์ความรู้ และวิทยาการใหม่ๆ นอกจากนี้ ครูและบุคลากรในสถานศึกษาส่วนใหญ่ ขาดความเข้าใจการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา และการกำหนดโครงสร้างเวลาเรียนตามจุดเน้นของหลักสูตรในแต่ละช่วงชั้น ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหา ได้กำหนดโครงสร้างหลักสูตรที่ระบุจำนวนชั่วโมง /หน่วยกิตทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทั้งสาระการเรียนรู้พื้นฐาน สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่มุ่งพัฒนาด้านวิชาการควบคู่คุณธรรม จริยธรรม และเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมกีฬา ดนตรี โดยมีจุดเน้นดังนี้
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็ถึงบางอ้อว่า การถอยหลังเข้าคลอง (ย้อนกลับมาใช้หลักสูตร 2533) แบบไม่เสียหน้าเขาทำกันอย่างนี้นี่เอง ปล่อยให้ครูผจญชะตากรรมกับการนั่งเทียนเขียนหลักสูตร (ความจริงก็ลอกสลับหน้าสลับหลังนั่นแหละ) มาตั้ง 3 ปี ได้หลักสูตรชนิดใหม่ไม่เคยปรากฏในโลกมากกว่าหมื่นหลักสูตร แล้วเราก็ตั้งต้นกันใหม่อีกรอบ หรือนี่คือ กระทรวงไม่ทำจริง เรายังศึกษาอยู่ แม้จะศึกษามาแล้วกว่าร้อยปี คงได้บ่นกันไปอีกยาวล่ะครับเรื่องนี้
คราวนี้เรามาพูดถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์กัน หลายหน่วยงานพยายามผลักดันให้เป็นจริง หลายคนพูดถึงและฝันถึง แต่การเกิดขึ้นจริงยังมีปัญหาและอุปสรรคมากมายที่ต้องแก้ไข จากการทดลองปลุกปั้นมานานนับปีทำให้ได้พบสัจธรรมว่า "การจะให้ครูสร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์เองนั้นไม่ใช่เรื่องหมูๆ เสียแล้ว" แต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ ยังคงทำได้ด้วยการเปลี่ยนกระบวนยุทธ์เสียใหม่ ต้องกำหนดบทบาทบุคลากรเพื่อสร้างทีมงานกันใหม่เพื่อให้ได้สื่อที่มีคุณภาพ
ความสำเร็จของการสร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงต้องมีทีมงานที่เข้มแข็ง มีงบประมาณสนับสนุนอย่างเพียงพอ จะให้แต่กำลังใจและคำยกย่องชมเชยนั้นคงไม่ได้เสียแล้ว ที่สำคัญทีมงานที่ว่านี้ต้องประสานสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว มองเห็นเป้าประสงค์ข้างหน้าเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่อยากให้เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเหมือนกับที่หน่วยงานต่างๆ กำลังทำกันอยู่ (ตั้งโครงการให้มีงบประมาณ แล้วช่วยกันผลาญด้วยการประชุมบนโรงแรมหรู ผลจะออกมายังไงฉันไม่รู้ แบบนี้เลิกทำกันเสียที ภาษีของผมด้วยเหมือนกันนะครับ)
อย่ามัวแต่หลงดีใจกับสิ่งที่เขากำลังมาล่อเพื่อสร้างคะแนนเสียง จนลืมลูกหลานเยาวชนไทยที่รออยู่นะครับ คงได้แต่บ่นกันไปตามประสาผู้น้อยที่แบกภาระหนักอึ้งอยู่บนบ่า ขอภาวนาให้งานเอกสารน้อยลงเสียที ถ้าใช้ไอทีจริงต้องลดภาระงานลงได้ อย่าให้เป็นสาระพัดอี (e-?????) ที่นิ่งสนิทเพื่อเอาไว้โชว์อย่างเดียวนะครับ พบกันใหม่คราวหน้าครับ
ครูมนตรี โคตรคันทา
บันทึกไว้เมื่อ : 18 ตุลาคม 2547
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)