"ตับ" เป็นอวัยวะที่รับผลจากแอลกอฮอล์หนักที่สุดในร่างกาย จะเห็นว่า ระหว่างการทำลาย (ฟอก สกัด กรอง) ของตับนั้น ตัวไนอาซินซึ่งเป็นวิตามินชนิดหนึ่งจะไม่สามารถทำงานที่สำคัญอื่นๆ ได้ เช่น การเก็บสะสมน้ำตาล ทั้งนี้เพราะไนอาซินมัวแต่จะเข้ามาช่วยในการขจัดแอลกอออล์ออกจากระบบไป ดังนั้นเมื่อมีสารแอลกอออล์เข้ามาตับก็มีความจำเป็นต้องสกัดเอาแอลกอออล์ออกจากระบบ ทำให้พวกสารอื่นๆ โดยเฉพาะพวกกรดไขมันคั่งค้าง เมื่อปฎิกริยานี้เกิดต่อเนื่องนานขึ้นเนื่องจากการดื่มที่มีมาไม่หยุด ก็จะมีกรดไขมันพอกในตับเป็นจำนวนมาก จะพบในคนที่ดื่มสุราหนัก
เรียกสภาพอันนี้ ว่า Fatty Liver สภาพอันนี้สามารถทำให้กลับคือปกติได้หากหยุดดื่มเหล้า เป็นระยะแรกที่ตับเริ่มมีความไม่ปกติ ก็สรุปได้ว่า เมื่อเราดื่มแอลกอออล์เข้าไปก็เท่ากับว่า มันไปกีดกั้นขัดขวางการทำงานของ
ระบบสำคัญอื่นๆ ผลก็คือ ทำให้มี กรดมากขึ้น และทำให้ไปกระเทือน ระบบการสร้างไตรกลีเซอไรด์อย่างที่เล่ามาข้างต้น เป็นต้น พบว่า สภาพที่เรียกว่า fatty liver นั้น สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะเกิดจากการดื่มหนักๆ เพียงคืนเดียว เมื่อเกิดขึ้นนานๆ เข้าก็จะเริ่มไปทำให้เกิดมีอันตรายต่อเซลของตับ อาการในระยะนี้มักจะไปปรากฎชัด แต่สามารถบอกได้เมื่อตรวจระดับเลือดซึ่งจะพบว่า มีระดับของสารบางอย่างผิดปกติหรือใช้เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ในการตรวจหา
เมื่อการดื่มยังไม่หยุดยั้ง พบว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยจะเกิดมีอาการเลวลงทำให้เกิดโรคที่เราเรียกว่า ตับอักเสบจากเหล้า (Alcoholic Hepatitis) เพราะการสะสมของสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ และขาดสารสำคัญที่ตับควรจะผลิต เมื่อตับได้รับอันตรายก็จะมีการซ่อมแซม ตับจะเริ่มมีพังผืดเข้าไปสร้างซ่อมแซมในตับ ในรายที่มีอาการระยะต้นหรือปานกลาง หากมีการหยุดดื่มเหล้าทานอาหารเสริมที่มีประโยชน์ ร่างกายสามารถซ่อมกลับได้เกือบปกติ อาการในโรคนี้คือ มีไข้ ตัวเหลือง ปวดท้อง หากตับอักเสบมาก อาการรุนแรง อาจถึงตายได้
ในระยะต่อไป เมื่ออาการเป็นมากขึ้นเนื่องจากไม่หยุดดื่ม อีกประมาณ 15-30% ของคนกลุ่มนี้ ตับจะถูกทำลายมากขึ้น ทำให้มีการซ่อมแซมเกิดขึ้นในตับเพิ่มขึ้นอีก เราเรียกโรคในระยะเช่นนี้ว่า "ตับแข็ง" (cirrhosis) ตับในระยะนี้จะมีรูปร่างขรุขระตะปุ่มตะป่ำ ขนาดเล็กลง ผลก็คือทำให้เลือดซึ่งรับอาหารจากผนังของ กระเพาะและลำไส้ ลำเลียงเข้าไปให้ตับได้ลำบากเพราะพังผืดที่ทำให้เส้นเลือดในตับตีบแคบ เหมือนอย่างลำน้ำเล็กๆ ที่ลำเลียงถ่ายน้ำออกสู่คลองหรือแม่น้ำ เมื่อทางปลายน้ำตันมันก็ท้นกลับต้นน้ำ ซึ่งก็คือบรรดาเส้นเลือดเล็กๆ ที่ไปจากผนังของกระเพาะและลำใส้ เมื่อการลำเลียงลำบาก เลือดทั้งหลายก็จะล้น (ซึม) ออกนอกลำไส้ ท้องก็จะโตขึ้น ซึ่งอย่างที่เรารู้และเรียกกันว่า "ท้องมาร" ตัวอย่างคนที่มีชื่อและเสียชีวิตลงด้วยโรคและอาการนี้ก็คือ "จอมพลผ้าขาวม้าแดง" ของเราในสมัยหลายปีมาแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น เส้นเลือดเหล่านั้นก็ยังบวมเป่งเพราะเส้นทางลำเลียง (คือไปยังตับ) ลำบาก ทำให้เส้นเลือดเหล่านี้มีโอกาสแตกง่ายกว่าธรรมดา อาการแทรกซ้อนที่จะตามมาซึ่งยากมากต่อการดูแลรักษา ก็คือ เส้นเลือดแตกทำให้เลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้ หรือหลอดอาหาร คอเหล้าเหล่านี้ จะเสียเลือดสดๆ ออกไปในลำไส้ได้เป็นจำนวนมาก บ่อยครั้งพวกนี้จะอาเจียนเป็นเลือด ขนาดเป็นกระโถน ซึ่งเป็นอาการที่ทรมารมาก เพราะขาดอาหาร หายใจไม่สดวก มักจะเสียชีวิตภายใน 6 เดือน พวกที่รอดชีวิต ก็ยังเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งในตับสูงราว 10 %
นอกจากตับเป็นโรงงานใหญ่ที่สุดของร่างกาย หน้าที่ที่สำคัญอันหนึ่งก็คือ ขจัดกากที่เป็นของเสียออกจากร่างกาย เช่น เม็ดเลือดแดงที่มีอายุมาก โดยของเสียที่ได้ส่วนหนึ่งจะเอาออกมาในรูปของน้ำดี ฉะนั้น ลักษณะหนึ่งที่บ่งว่า การทำงานของตับเสียลงก็คือ ไม่สามารถสกัดเอาของเสียจากเม็ดเลือดออกได้ หรือที่สกัดออกมาได้ ก็ลำเลียงออกไม่ได้ ทำให้มีอาการตัวเหลือง
สรุป ผลร้ายจากแอลกอออล์ที่เกิดต่อตับนั้น มี 3 ระยะ
ปัญหาที่เกิดจากเหล้าที่เกิดขึ้นที่พบได้บ่อยที่สุด มีผลต่อครอบครัว ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการศูนย์เสียทรัพยากรของชาติ (การเยียวยารักษาและงานเป็นอันมาก) จึงได้กล่าวให้ละเอียดเพื่อผู้อ่านจะได้เข้าใจถึงปัญหาที่มาที่ไปของโรค จะได้จัดการรับมือเตรียมป้องกันได้ถูกต้อง การตอบสนองของระบบประสาทต่อแอลกอฮอล์ ผลต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ คือ
เป็นคำที่ใช้อธิบายอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ดื่มเหล้ามาก เพศหญิงมีอาการมากกว่าเพศชาย อาการ คือ คลื่นไส้ อาเจียร (ผลของแอลกอฮอล์ต่อกระเพาะ) แห้งขาดน้ำ (เพราะผลของแอลกอฮอล์ทำให้ไปปัสสาวะบ่อย) ปวดหัว และกระวนกระวาย (เพราะ ผลต่อเนื้อสมองเพราะ เหล้า เข้าไปถึงสมองโดยตรงเลย) ปวดและเจ็บตามตัว อ่อนเพลีย (เพราะ ผลจากการทำลายของแอลกอออล์ได้ พวกสาร Acetaldehyde, Formaldehyde และ Formic Acid)
กาแฟ เพื่อให้หายเพลีย น้ำตาล สำหรับความอ่อนโหยโรยแรง น้ำ (หากเป็นมากอาจจะต้องให้ทางเส้น) แก้เรื่องแห้งน้ำ ยาแก้กระเพาะอักเสบ หรือ ยาแก้ปวดที่ไม่มีผลต่อกระเพาะ (ห้ามใช้พวก Aspirin) อาจจะลองพวก นม หรือไข่ ที่พวกอังกฤษแนะนำให้ลองขนมปังปิ้ง น้ำแยะ แล้วพยายามดื่มให้มันเป็นผู้เป็นคนหน่อย
ใครสนใจคำแนะนำเรื่อง Hangover มี website ที่ www.hangover.net และ www.healthnet.in.th
Alcoholism (ขอแปลว่า โรคติดเหล้าเรื้อรัง) เป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการดื่มเหล้า แต่คิดว่ามีส่วนจากสังคม สิ่งแวดล้อม พันธุกรรม ทำให้เกิดการติดเหล้าขึ้น โรคนี้ค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นและถึงตายได้ อาการของคนกลุ่มนี้คือ ติดการดื่มอาจจะติดต่อกันหรือเป็นช่วงๆ โดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้เลย คิดถึงแต่เหล้าแม้จะมีผลร้ายต่อร่างกายพวกนี้ก็ยังปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง และมักจะไม่รับว่าตนเองติดเหล้า
ปัจจุบันมีทฤษฎีอยู่สามทฤษฎีที่อธิบายสาเหตุของโรคนี้
คนติดเหล้า จะมีอาการลักษณะผิดแผกไปในแต่ละคน แต่ทุกคนมีลักษณะที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ นิสัยการดื่มแบบบังคับตนเองไม่ได้เลย (ในวงสุราจะมีคำว่า เอามาอีก ไม่เมาไม่เลิก ทั้งๆ ที่เมาจนเดินไม่ไหวแล้ว)
การแสดงออกแบบต่างๆ ของคนติดเหล้า แบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ
ผลระยะยาวของ Alcohol : |
พวกนี้จะดื่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลความพอใจ หรือแก้ปัญหา หรือความกดดันได้ หากให้หยุดเหล้าก็จะมีอาการลงแดง คือ ตัวสั่นเหมือนชัก ปวดท้อง อาเจียร ความดันสูง เหงื่อออกมาก ม่านตาโต หงุดหงิด จนถึงมีชักได้ อาการส่วนใหญ่จะค่อยๆ ลดลงในสองถึงสามวัน แต่เรื่องนอนไม่หลับความหงุดหงิดนั้นอาจมีไปได้ถึงสองสามอาทิตย์ คนเหล่านี้จะคิดถึงแต่จะให้ได้มาของการดื่มจนรู้สึกว่าจะอยู่ไม่ได้หากไม่ได้ดื่ม |
ผลต่อระบบประสาท |
ผลที่เกิดขึ้นเมื่อดื่มมากเกินไป คือ จะเริ่มพูดไม่ชัด ขาดการควบคุมตนเอง (สติสัมปชัญญะ) แล้วเป็นลมหมดสติไป เมื่อดื่มเป็นเวลานานๆ ก็จะกลายเป็นคนติดเหล้า จากนั้นก็จะเป็นติดเหล้าที่มีโรคพิษสุราเรื้อรัง เนื่องจากมีผลเสียหายเกิดขึ้นต่อเนื้อสมอง ในการตรวจสมองจากผู้เสียชีวิตพบว่า มีสมองฝ่อเล็กลง สติปัญญาความคิดเสื่อมลง ความสูญเสียทั้งสมอง สติปัญญา ความคิดความอ่าน นั้นแปรผันโดยตรงกับความมากน้อยของการดื่ม พบว่าคนที่ดื่มหนักก็จะมีการสูญเสียและเสื่อมโทรมมากกว่าคนดื่มน้อย |
เมื่อคนที่ติดเหล้ามากขึ้น พวกนี้จะเป็นสาเหตุให้เกิดขาดอาหาร (เพราะได้แต่ดื่ม ไม่ได้ทานอาหารให้เป็นประโยชน์ และเนื่องจากพวกนี้ระหว่างดื่มจะอาเจียรบ่อย - ผลของ alcohol ต่อกระเพาะ) สารสำคัญที่พบบ่อยว่าพวกนี้ขาด ก็คือ Thiamine (B1) สภาพที่เกิดในทางสมองอันเนื่องมาจากขาดไทอามีน และพบในคนติดเหล้าหนัก ทางการแพทย์จะเรียกว่า Wernicke' Encephalopathy (อ่านว่า เวอนิคกี้ เอ็นเซฟฟาลอปปาตี้) พบได้ประมาณ 12.5% ของคนที่ติดเหล้าหนักๆ อาการเหมือนคนเมาเหล้า คือ
โรคนี้อาจเกิดในคนติดเหล้าในวัยต่างๆ อาจเกิดขึ้นทันทีทันใด เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ ต้องได้รับการรักษาทันที โดยให้ วิตามิน B1 ในระดับสูงๆ วิตามิน B1ช่วยในการสร้างเส้นเลือดต่างๆ รวมทั้งในสมอง เมื่อขาดก็จะทำให้มีน้ำรั่วออกในสมอง รอบเส้นเลือดเล็กๆ ทำให้สมองมีความเสียหายได้ อาการก็จะเริ่มจาก ความจำเสีย การควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เมื่อเลือดรั่วไปรอบๆ เส้นเลือดมากขึ้นก็จะทำให้เนื้อสมองเสียมากขึ้นได้ ก็จะทำให้เสียเป็นลมสลบ (unconscious) ไปได้
เมื่อคนที่เป็น Wernicke's Encephalopathy ไม่ได้รับการรักษา ก็จะทำให้เกิดอาการทางโรคจิต ที่เรียกว่า Korsakoff's Psychosis (อ่านว่า โคซาคอฟ ไซโคสิส) อาการของคนกลุ่มนี้มีได้จากน้อยไปจนถึงมาก คือ
เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารพิษที่มีผลร้ายต่อเซลสมอง มันสามารถซึมเข้าไปในเนื้อสมอง ทำให้สมองส่วนผิวๆ เสียหายได้ ซึ่งสมองส่วนนี้ มีหน้าที่เรื่องความจำและอุปนิสัย เราวินิจฉัยว่า เป็น Korsakoff's Psychosis เมื่อคนดื่มเหล้ามีปัญหาเรื่องความจำ ในขณะที่ความสามารถอื่นๆ ทางสมองยังดีอยู่ จำเรื่องที่เกิดเมื่อเร็วๆ (recent memory) นี้ไม่ได้ คือแม้จะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดหยกๆ แม้จะเกิดเมื่อสองสามนาทีที่เพิ่งผ่านมาก็ตาม แต่สามารถจำเหตุการณ์เรื่องที่เกิดมานานแล้วได้ (remote memory)
ปัญหาที่เกิดกับคนพวกนี้ ยกตัวอย่างเช่น หากให้คนเหล่านี้ไปอยู่ในที่อยู่ใหม่ จะต้องช่วยเรื่องการใช้สถานที่ใหม่ เพราะสอนแล้วลืมทันที ต้องช่วยเป็นเวลานานเพื่อทำสิ่งของง่ายๆ เช่น การจะหาห้องน้ำ ห้องนอน เป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังจะพบอาการตลบแตลง เนื่องจากจำสิ่งที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้ พวกนี้ก็จะสร้างเรื่องขึ้นมาใหม่ให้มาเสริมส่วนที่ขาดหรือจำไม่ได้เอง ทำให้เหมือนเป็นคนตลบแตลงและผู้ป่วยก็จะเองคิดว่าเป็นเรื่องจริงตามที่คิดและจินตนาการไว้
ผลเสียของแอลกอฮอล์ต่อระบบเส้นประสาท คือ ประสาทอักเสบ ทำให้ กล้ามเนื้ออ่อนกำลัง มีความรู้สึกชาๆ ปวดกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกเหมือนว่า เท้าถูกไฟลน สาเหตุไม่ทราบแน่ชัดแต่คิดกันว่า อาจจะจากขาดกลุ่มวิตามิน B
เป็นที่รู้กันมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยเริ่มคริสต์กาลว่า เครื่องดื่มของเมามีผลร้ายต่อเด็กในครรภ์ และมีการรายงานผลร้ายของแอลกอฮอล์ต่อเด็กในครรภ์ในแม่ที่ติดเหล้า มาในปี 1967 โดยกลุ่มแพทย์จากประเทศฝรั่งเศส อีกห้าปีต่อมา กลุ่มแพทย์จากสหรัฐอเมริกาได้ให้รายละเอียดองผลร้ายเหล่านี้ในเด็กที่เกิดกลุ่มนี้ว่า Fetal Alcohol Syndrome ลักษณะของเด็กที่เกิดมามีดังนี้คือ
สาเหตุ เป็นที่ทราบชัดแล้วว่า แอลกอฮอล์เป็นตัวที่ทำให้มีผลร้ายต่อเด็กในครรภ์อย่างแน่นอน โดยไปมีผลต่อการเติบโตและการสร้างอวัยวะของเด็กในระหว่างที่อยู่ครรภ์ ซึ่งมีผลต่อเนื่องอย่างถาวรมาจนเด็กโต ซึ่งเกิดได้ในลักษณะความรุนแรงที่เล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรง เช่น ผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง หรือหัวใจ เป็นต้น
อย่าลืมว่า แอลกอฮอล์เป็นสารที่มีโมเลกุลเล็กและทั้งละลายน้ำได้ดี จึงสามารถปนอยู่ในเลือดและเข้าไปได้ทุกแห่งที่เลือดไปถึง จึงไม่เป็นที่สงสัยว่า แอลกอฮอล์ในเลือดแม่นั้นสามารถผ่านรกเข้าไปยังตัวเด็กในครรภ์ได้อย่างสบาย และพบว่า ระดับแอลกอฮอล์ในเด็กนั้นเกือบเท่ากับระดับในเลือดแม่ ดังนั้นการที่แม่ดื่มแอลกอออล์ในระหว่างตั้งครรภ์ จึงมีผลเสียต่อเด็กในระยะที่เด็กกำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะระยะที่กำลังสร้างอวัยวะต่างๆ ของเด็ก ในระยะประมาณ 36 วันหลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นระยะที่แม่ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าตั้งครรภ์นั้น เด็กอ่อนจะเริ่มสร้างระบบประสาทไขสันหลัง สมอง และบรรดาอวัยวะระยะแรกเริ่มแล้ว
ฉะนั้นผลต่อเด็กจะมีมากหากแม่ดื่มหนักในระยะต้นของการตั้งครรภ์ เพราะหากการสร้างที่ผิดจากเริ่มต้น สิ่งที่เจริญเติบโตต่อจากสิ่งผิดนี้ไป ก็จะผิดปกติหมด ดังนั้น การเจริญเติบโตในระยะสามเดือนแรกมีผลมากต่อการเจริญเติบโตของเด็กในระยะที่เหลือในครรภ์
เด็กไม่เพียงจะเกิดมามีสมองเล็กเท่านั้น แอลกอออล์ยังมีผลทำให้การสร้างจำนวนเซลสมองน้อยลงด้วย มีการศึกษาทั้งในแม่และสัตว์ทดลองพบว่า แอลกอฮอล์มีผลที่ทำให้ระบบประสาทเจริญเติบโตที่ผิดปกติชนิดถาวร และยังทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติด้วย เช่น มีคลื่นสมองที่ผิดปกติ เป็นต้น
สรุป เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า แอลกอฮอล์มีผลร้ายต่อการสร้างการเจริญเติบโต การพัฒนาของอวัยวะต่างๆ ของเด็กในครรภ์ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ฉะนั้นหญิงมีครรภ์ไม่ควรดื่มของมึนเมาใดๆ ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)