โดย ดร.สุพักตร์ พิบูลย์
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ผมได้ไปร่วมอภิปรายเรื่อง "ทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศไทย ในศตวรรษที่ 21 (ทศวรรษที่ 2-3)" ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กลุ่มผู้ฟังส่วนใหญ่น่าจะเป็นครู - อาจารย์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักศึกษา ป.โท เอก ของ มสธ. ในการพูดคุย ผมได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับทิศทางการจัดการศึกษา (เน้นระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ซึ่งผมตั้งใจจะเสนอ ดังต่อไปนี้
1. บริบทการศึกษาไทย ศตวรรษที่ 21 ทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2011-2020) : การจัดการศึกษาในปี 2554-2563 เราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง มีภาวะคุกคามและเงื่อนไขโอกาส อย่างไรบ้าง
- การรวมตัวของประเทศอาเซียน(AC) : หลังรวมอาเซียน 5 ปี มีการทำนายว่าอุดมศึกษาไทยจะล่มสลาย 40 เปอร์เซนต์ ถ้ามีวิทยาลัยเทคนิคแห่งสิงค์โปร์มาตั้งในประเทศไทยจำนวนมาก วิทยาลัยเทคนิคเราจะมีปัญหาทันที... โดยสรุป หากเราไม่เร่งปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง คาดว่า จากอันดับ 8 อาเซียน เราอาจกลายเป็นอันดับ 11 (เมื่อติมอร์ เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน)
- ความต้องการแรงงานด้านอาชีวศึกษา ที่สวนทางกับความต้องการศึกษาในสายนี้(ถ้าเราไม่สามารถสร้างค่านิยมด้าน อาชีวศึกษาได้ เราจะประสบปัญหาเรื่องแรงงานและการลงทุนในประเทศ)
- ความเป็นประเทศน่าลงทุนของประเทศไทย(ยังติดอันดับน่าลงทุน 1 ใน 10 ของโลก) : เงื่อนไขโอกาส
- ความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่เป็นครัวโลก : ยังเป็นเงื่อนไขโอกาส
2. ปัญหา จุดอ่อน ข้อจำกัด และสภาพปัจจุบันการศึกษาไทย : ในระยะ 10-15 ปี ที่ผ่านมา เราขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์อย่างไร มีประสิทธิภาพหรือไม่ มีจุดอ่อน ข้อจำกัดอย่างไร ส่งผลให้คุณภาพผู้เรียนด้อยคุณภาพอย่างไร
2.1 ปัจจัยสนับสนุน
- ผูกขาดระบบหนังสือเรียน พิมพ์ช้ามาก เป็นประเทศที่แจกหนังสือหลังเปิดภาคเรียน (ประเทศเดียวในอาเซียน)
- ผลิตครูไม่ได้มาตรฐาน จิตวิญญาณความเป็นครูลดลง ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวนมาก(60-70%) สมรรถนะเชิงวิชาการต่ำมาก ไม่แตกฉานในหลักสูตร หลักการในการจัดการเรียนการสอนและการวัด ประเมินผล(จริงจังเฉพาะเรื่องผิวเผิน เช่น การก่อสร้าง ปรับปรุงอาคารสถานที่ ฯลฯ)
- ระบบงบประมาณแบบรวมศูนย์ที่ "กำหนดโครงการไม่ตรงปัญหา เพราะคนคิดอยู่ส่วนกลาง คิดแบบทั่วๆไป ส่งงบประมาณล่าช้า ส่งเงินให้ทำงานเพียง 3 เดือนสุดท้าย ตลอด 70 ปี(กอดเงินไว้ 9 เดือน) และใช้เงินผิดเป้าหมาย ทุ่งเทงบประมาณกับโรงเรียนหรือเด็กเก่งจำนวนน้อย ทิ้งเด็กหรือโรงเรียนส่วนใหญ่" งานศิลปหัตถกรรมแห่งชาติ(2-3 พันล้านบาท) การล่ารางวัลโอลิมปิก(100 ล้านบาท) โรงเรียน 500 โรวง(ที่พร้อมอยู่แล้ว) สู่มาตรฐานสากล เป็นต้น
- ครอบครัวสมรรถนะต่ำในการดูและนักเรียน การดูแลโดยครอบครัวจึงไม่มีมาตรฐาน (ประเทศคุณภาพการศึกษาชั้นนำ เช่น ฟินแลนด์ เยอรมัน ครอบครัวมีความพร้อมและมีบทบาทสูงมากในการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียน)
- แผนพัฒนา กลยุทธ์ระยะยาว ไม่มี หรือ ถูกล้างโดยระบบการเมืองที่เปลี่ยน รมต.บ่อยมาก นโยบายทางการศึกษา ขึ้นกับนักการเมือง
- นักบริหารการศึกษา วิ่งตามนักการเมือง ไม่สนใจงานประจำ
2.2 กระบวนการบริหารจัดการ
- การบริหารงานบุคคล ล้มเหลว ระบบผลิต คัดเลือก นิเทศ-พัฒนา ส่งเสริม ควบคุมคุณภาพครู ไม่มีประสิทธิภาพ(ระบบ ก.ค.ศ. ไร้คุณภาพ ไม่มีแบบแผนในการส่งเสริม ควบคุมคุณภาพครู มุ่งแก้ปัญหารายวัน ไม่ให้ความสำคัญกับแผนระยะยาว พอจะแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรทีไร ก็เริ่มที่การสำรวจจำนวนที่มีปัญหา)
- การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ล้มเหลว สถาบันอุดมศึกษาไม่ดูแลสถานศึกษาในเขตบริการใกล้เคียง อย่างเป็นระบบ จริงจัง ระบบกรรมการ เช่น คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ยังไม่ทำงาน/ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ไม่มีปฏิทินการขับเคลื่อนคุณภาพ หรือยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรม
- กระบวนการสอนไม่มีมาตรฐาน ยังเน้น Content Based, ครูไม่มี PLC, ขาดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม อย่างต่อเนื่อง
- ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนระดับครอบครัว ระดับห้องเรียนประจำชั้น ระดับชั้น ระดับโรงเรียน ระดับชุมชน ยังไม่สอดรับกัน/ไม่มีประสิทธิภาพ
2.3 ผลผลิตทางการศึกษา
- ผลสัมฤทธิ์ตามหลักสูตรไทย (O-NET) และมาตรฐานสากล (PISA) ต่ำมาก
- เด็กจำนวนมาถูกทอดทิ้ง อ่านไม่ออกเมื่อจบ ป.6 ติด 0 ร. มส. ตกออก หมกมุ่นกับสิ่งเสพย์ติด
- เด็กไทยไม่เป็นนักอ่าน นักคิด-วิเคราะห์ขาดความสามารถในการเผชิญปัญหา ขาดทักษะชีวิต
3. สิ่งที่ควรแก้ปัญหา หรือปรับทิศทางการทำงาน หรือประกาศจุดเน้นโดยด่วน : รายการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในระยะ 3-5 ปี
- กำหนดทิศทางนโยบาย กลยุทธ์ระยะ 10-15 ปี
- ปฏิรูประบบการผลิตครู เลือกคนเข้าระบบ-พัฒนาสมรรถนะระหว่างเรียน เสริมสมรรถนะช่วงเริ่มต้น 10 ปีแรก ส่งเสริมการเป็นครูมืออาชีพ สร้างระบบควบคุมคุณภาพ อย่างต่อเนื่อง
- การจะจายอำนาจทางการศึกษา โรงเรียนมีอิสระในการบริหารจัดการมากขึ้น เน้นต้นทุนเครือข่ายเพื่อการบริหารจัดการ
- หลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้น Authentic learning , Problem-based learning
สาระการเรียนรู้ และสมรรถนะสำคัญ ในศตวรรษที่ 21 :
(1) เรียนรู้เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของโลก/ภาวะเสี่ยงกับภัยภิบัติ
(2) Information literacy
(3) Health Literacy
(4) Economic Literacy/Economic for life
(5) Democracy Literacy
(6) ทักษะการวิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหา เผชิญปัญหา
(7) ความมีวินัย นิสัยใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน
(8) life Skill
(9) ทักษะวิชาชีพเฉพาะทาง
- ระบบดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียน บทบาทร่วม ครอบครัว ครูประจำชั้น ระดับชั้น ระดับโรงเรียน และระดับเครือข่าย ส่งเสริมการจัดทำแผนพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล
- ฯลฯ
4. การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน : การใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ
- กำหนดมาตรฐานสมรรถนะเด็กไทย คนไทย ในอีก 10-30 ปีข้างหน้า(ให้ครอบคลุม มาตรฐานความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ทั้งเพื่อการเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก)
- กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น เขตพื้นที่การศึกษาพัฒนาหลักสูตร เพื่อเสริมสมรรถนะเยาวชน(ภายใต้บทบาทร่วมของท้องถิ่น สถานบันอุดมศึกษาในท้องถิ่น) โดย ส่วนกลางเน้นบทบาทการประเมินและรับรองมาตรฐานรายเขตพื้นที่การศึกษา
- ส่งเสริมให้โรงเรียนที่มีความพร้อมสูง ก้าวสู่การเป็นโรงเรียนในกำกับของรัฐ มีอิสระในการบริหารจัดการและการระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา ไม่มีเพดานค่าเล่าเรียน (เพื่อลดภาระของรัฐ และมีโอกาสดูแลโรงเรียนที่ไม่พร้อมมากขึ้น)