คงจะไม่ช้าเกินไปนะครับสำหรับคำกล่าว "สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗" สาเหตุที่ไม่ได้มาอัพเดทก็เพราะติดพันเรื่องการทำฐานข้อมูล "สารานุกรมภาษาอีสาน ไทย อังกฤษ" ในเว็บไซต์ของผมอีกเว็บหนึ่งคือ IsanGate.com ตลอดช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ จนผ่านพ้นมาจนปีใหม่ ๒๕๕๗ สุดท้ายก็แค่เกือบเสร็จสิ้นเท่านั้น แต่ก็ปลายทางแล้วคาดว่าอีกสัก ๓ เดือนข้างหน้าคงจะสมบูรณ์
เป็นงานที่มอบหมายไหว้วานให้คนอื่นทำได้ยาก เพราะมีคำภาษาอีสานเก่าๆ ที่คนรุ่นหลังไม่ทราบ ไม่เข้าใจ ก็มักจะไปแก้ไขถ้อยคำด้วยนึกว่า "พิมพ์ผิด" ก็ยิ่งจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขให้ถูกต้องอีกมากมาย เลยต้องป้อนข้อมูลเอง เหนื่อยแต่ก็สู้ เพราะอยากให้เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงทางวิชาการแก่ลูกหลานในวันข้างหน้า ในวาระดีถีขึ้นปีใหม่นี้ผมขออัญเชิญ ส.ค.ส. พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชดำรัสที่มอบแด่ปวงชนชาวไทยเมื่อคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา มอบแด่ทุกๆ ท่านเพื่อเป็นกำลังใจในปีใหม่ ๒๕๕๗ นี้ครับ
"บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน ให้มีความสุขความเจริญ และความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา ความปรารถนาของทุกๆ คนคงไม่แตกต่างกันนัก คือ ต้องการให้ตนเองมีความสุข ความเจริญ และให้บ้านเมืองมีความสงบ ร่มเย็น ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ท่านทั้งหลายรักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต ให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มกำลัง ข้อสำคัญจะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวม และความเป็นไทยไว้เสมอ งานของตนและงานของชาติ จะได้ดำเนินก้าวหน้าไปโดยถูกต้อง เที่ยงตรงไม่ติดขัด และบรรลุถึงประโยชน์ เป็นความสุขความเจริญและความสงบร่มเย็น ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราได้ยินคำว่า "ปฏิรูปการศึกษา" มาจนชาชิน แต่การศึกษาของเราก็ยังคงอยู่ในวังวนเหมือนพายเรือในอ่าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบมันมีอยู่ ง่ายและชัดเจน แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วง คำตอบที่ผมมองเห็น (คนอื่นอาจจะไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไรนะครับ คนเราคิดต่างได้ แต่ขอให้เป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ก็แล้วกัน) คือ "การรวมศูนย์อำนาจสั่งการ และมองการศึกษาเป็นระบบอุตสาหกรรม"
นโยบายของนักการเมืองมักจะคิดอะไรง่ายๆ คือสั่งการให้ทำให้เห็นผลในทันทีทันใด (เพราะไม่อาจรอคอยได้ เพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งสมัยต่อไป และที่นั่งเก้าอี้ รมต. มันร้อนนั่งนานไม่ได้ สมบัติผลัดกันชม) ซึ่งจริงๆ แล้ว ความคิด นโยบายทางการศึกษานั้นต้องการเวลาในการดำเนินการ ให้เห็นผลยาวนานกว่าสมัย/วาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารมากนัก และมักจะเป็นนโยบายที่ใช้เงินมากมายมหาศาลที่ไม่คุ้มค่า มีรูรั่วจนเงินงบประมาณไหลไปเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่ม ที่อยู่ภายใต้ร่มเงานักการเมืองมากมาย ความสำเร็จของโครงการคือใช้งบประมาณให้หมด แต่ไม่เคยดูผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น เป็นที่น่าสังเกตุว่า การใช้งบประมาณของหน่วยงานราชการมักจะไปสุมรวมกันตอนปลายปีงบประมาณ (เดือนสิงหาคม/กันยายน จะเห็นโครงการอบรมสัมมนามากมายจนโรงแรม/ที่พักถูกจองเต็มล้นไปหมด) เพื่อหวังการใช้วิธีการพิเศษในการดำเนินงาน ซึ่งก็รู้ๆ กันว่านี่คือช่องทางคอรัปชั่นในระบบราชการที่มีมากที่สุด
โครงการต่างๆ มักเกิดมาจากการสั่งการจากหอคอยงาช้าง ให้หน่วยงานเบื้องล่างทุกหน่วยได้ดำเนินการเหมือนๆ กัน โดยไม่แยกแยะความแตกต่าง ความจำเป็น/เหตุผลที่คุ้มค่า ไม่เคยมีโครงการจากเบื้องล่างที่ถูกเสนอขึ้นไปเพื่อของบประมาณดำเนินการได้สำเร็จ เพราะโครงการเหล่านั้นไม่สนองประโยชน์ต่อฐานเสียง และดูไม่หรูหราฟู่ฟ่าเมื่อมีการแถลงข่าว และนี่เป็นผลต่อการมองการศึกษาเป็นระบบอุตสาหกรรม
ถ้าเรามอง "นักเรียน คือ วัตถุดิบ โรงเรียน คือ โรงงานอุตสาหกรรม ครู คือ เครื่องจักร (แม่พิมพ์)" แล้วผลสัมฤทธิ์ของการศึกษาจะเป็นเช่นไร? คนย่อมมีความคิด สมอง ปัญญา ที่แตกต่างกันไม่ใช่ก้อนดินที่พร้อมจะถูกบีบอัฐให้เป็นก้อนอิฐที่มีรูปร่าง ขนาดเท่ากันได้ การศึกษาเป็นการพัฒนาคนให้มีความรู้ ความคิด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข การจัดการศึกษาในต่างถิ่นต่างที่ ต่างเมือง ต่างภูมิภาคย่อมมีความหลากหลายแตกต่างกัน ไม่สามารถจะใช้กลวิธีการเดียวกันให้เกิดผลสำเร็จได้
เรามาทำให้เด็กไทยอ่านออกเขียนได้กันเถอะครับ เอาที่ภาษาไทยเรานี่แหละ ตราบใดที่เด็กเรายังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่เขาจะเรียนรู้เรื่องอื่นๆ ยิ่งภาษาต่างชาติด้วยแล้วอย่าได้ไปคิดเลย การถีบหัวส่งเขาเลื่อนชั้นขึ้นไป นอกจากจะส่งเขาไปสู่อเวจี แล้วเรายังจะต้องสูญเสียงบประมาณอีกมากมายในการแก้ไขปัญหาในภายหลัง รวมทั้งยังต้องเปลืองผักชีอีกกี่สวนในการประดับตกแต่ง กลบเกลื่อนความล้มเหลว ตกแต่งตัวเลขเพื่อรับการประเมินหลอกลวงกันไปวันๆ เจอกลอนนี้ในหน้าเฟซบุ๊คถูกแชร์กันมา จริงหรือไม่? ตรองดูสิครับ
คุณครูขา..หนูอ่านไม่ออก
หนูจึงบอกอะไรครูไม่ได้
หนูไม่รู้จะเรียนเขียนอะไร
หนูจนใจจริงจริง..มืดยิ่งแล้ว
คุณครูขา..หนูสอบไม่เคยตก
ผ่านมาถึง ปอหก เป็นหางแถว
สิ้นปีนี้หนูก็พร้อมให้ย้อมแมว
เป็นกรวดแก้วขึ้นขั้นชั้นมัธยม
พอจะรู้คุณครูขา..ว่า กอไก่
แต่สระอะไร..ไม่เห็นสม
อ่านสะกดตามไปใจงมงม
รู้สึกตรมเพราะหนู ไม่รู้เลย
ภาษาไทย..หนูยังอ่านไม่ออก
ภาษานอกถึงท้อก็เฉยเฉย
เรียนคณิต วิทย์ สังคม ก็เหมือนเคย
ยินเพื่อนเอ่ยหนูยิ่งอื้อทำอือออ
ไม่กี่วันจะสอบตอบ “โอเน็ต”
หนูทำเสร็จก่อนใครใครไหนละหนอ
ไม่ต้องอ่านไม่ต้องคิดไม่ติดรอ
กาให้ครบทุกข้อพอส่งไป
คุณครูขา..หนูอ่านไม่ออก
หนูจึงบอกอะไรครูไม่ได้
หนูไม่รู้จะเรียนเขียนอะไร
หนูจนใจมืดจริงจริง..มืดยิ่งแล้ว!
รัตนธาดา แก้วพรหม
สำนักกวีน้อยเมืองนคร
๓ มกราคม ๒๕๕๗
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า... เรามุ่งจัดการศึกษาเพื่อ “ก้าวไกลสู่สากล” กันอย่างระเริงระรี้ระริก...
แต่พอหันกลับมาดูเด็กๆ ของเราในห้องเรียน เราพบว่าในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ทั่วประเทศ ยังมีเด็กๆ จำนวนหนึ่งที่อ่านภาษาไทยยังไม่ออกเขียนก็ไม่ได้.. อยู่ในห้องนั้น!
ต้องขอขอบคุณเจ้าของบทกวีดังกล่าว ที่ได้ประพันธ์ได้สอดคล้องกับความเป็นจริงของการศึกษาไทย รวมทั้งเจ้าของภาพที่ใช้ประกอบบทความนี้ เราคงไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่นๆ มากนัก ตอนนี้ขอแค่ประถมศึกษาปีที่ ๓ ต้องอ่านภาษาไทยออก เขียนได้คล่องแคล่ว บวกลบเลขได้ในใจถูกต้อง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ได้เรียนรู้เรื่องของตนเองและสังคมรอบบ้าน ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข มีความสุขและความฝันในการเรียนรู้ในชั้นต่อไป เป้าหมายนี้ไม่ไกลเกินฝัน ไม่ต้องการงบประมาณระดับพันล้าน ไม่ต้องการกระดานอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ แค่หนังสือดีๆ สมุด ดินสอ ปากกา และคุณครูที่มุ่งมั่นตั้งใจ เข้าใจพวกเขา พร้อมที่จะชี้นำทางสว่างก็เพียงพอแล้ว
สวัสดีปีใหม่ครับ
ครูมนตรี
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)