|
| หมวด
ก และ ข | หมวด ค และ ง | หมวด
จ, ช, ซและ ฐ | หมวด , ด, ต, ท, น และ, บ |
หมวด ป, ผ, พ, ฟ, ภ, ม และ ย |
หมวด ร และ ล | หมวด ว, ส และ ห
| หมวด อ และ ฮ | |
หมวด ก และ ข |
|
|
กล้องถ่ายภาพดิจิทัล
(digital camera) |
|
|
เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่นิยมมากในปัจจุบัน อุปกรณ์ชนิดนี้สามารถนำเข้าข้อมูลที่เป็นรูปภาพหรือกราฟิก
มีลักษณะและการใช้งานเหมือนกล้องถ่ายรูปธรรมดาทั่วไป แต่กล้องดิจิทัลไม่ต้องใช้ฟิล์มในการบันทึกภาพ
แต่จะเก็บข้อมูลภาพไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลที่เก็บเป็นข้อมูลแบบดิจทัล
ที่รูปแต่ละรูปประกอบด้วยจุด (pixel) เล็กๆ จำนวนมาก ความละเอียดของภาพขึ้นอยู่กับจำนวนจุดดังกล่าว
|
กล้องดิจทัลที่ผลิตได้ในปัจจุบันมีความละเอียดของภาพอยู่ระหว่าง
1 ล้านถึง 5 ล้านจุด และข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้กล้องดิจิทัลเป็นที่นิยม
คือ ผู้ใช้สามารถดูผลการถ่ายรูปได้หลังจากถ่ายรูปแต่ละรูปเลยโดยใช้จอภาพที่อยู่บนกล้อง
หากรูปที่ถ่ายนั้นไม่เป็นที่พอใจก็สามารถถ่ายใหม่ได้เลย |
|
ก้านควบคุม
(joystick) |
|
|
อุปกรณ์ชี้แบบหลายทิศทาง
ที่นิยมใช้กันในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์พอๆ กับใช้ในระบบงานที่มืออาชีพใช้กัน
เช่น CAD (Computer Aided Design) มีลักษณะเป็นไม้เล็กๆ ที่หมุนรอบๆฐานได้
การเลื่อนไม้นี้ จะเลื่อนสิ่งที่อยู่บนจอภาพไปมาได้ |
|
การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ(Object
Oriented Programming:OOP) |
|
การโปรแกรมแบบเชิงวัตถุ
เป็นเทคนิคการเขียนโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1900 แนวคิดและหลักการในการเขียนโปรแกรมแบบนี้แตกต่างจากหลักการเขียนโปรแกรม
ในอดีต คือจะเน้นความคิดเชิงวัตถุ (object) ที่สร้างขึ้นใช้งานในโปรแกรม โดยคำว่า
“วัตถุ” ในที่นี้คือ ส่วนย่อยๆ ของโปรแกรมที่ผู้พัฒนาโปรแกรมสร้างขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะอย่าง
แล้วจึงนำวัตถุย่อยๆ เหล่านั้นมาประกอบกันเป็นโปรแกรมใหญ่ อีกทั้งวัตถุที่สร้างขึ้นมาแล้วสามารถนำกลับไปใช้กับโปรแกรมอื่นได้อีก
โดยบางครั้งผู้เขียนโปรแกรมไม่จำเป็นต้องสร้างวัตถุเองทุกชิ้น สามารถนำวัตถุที่ผู้อื่นสร้างไว้มาใช้ใหม่ได้
เพียงแค่รู้ว่าวัตถุนั้นทำหน้าที่และเรียกใช้งานอย่างไร ทำให้โปรแกรมเมอร์ที่เขียนโปรแกรมประเภทนี้สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโปรแกรมได้สะดวก
การเขียนโปรแกรมแบบนี้จึงเข้ามาแทนที่การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ การโปรแกรมแบบเชิงวัตถุยังสามารถทำงานกับข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นรูปภาพ
(image) วีดิทัศน์ (video) หรือเสียง (sound) ตัวอย่าง ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคนิค
การโปรแกรมเชิงวัตถุ เช่น ภาษาจาวา ภาษาซีชาร์ป เป็นต้น |
|
การค้นหา
(search) |
|
การตรวจสอบแฟ้มตามข้อมูลที่กำหนด
เช่น คำ ตัวอักขระ หรือสัญลักษณ์ เป็นต้น เวิร์ดโปรเซสเซอร์ให้คุณค้นหาคำ ขณะที่ฐานข้อมูลให้คุณค้นหาเรคอร์ดที่ต้องการ |
|
การจัดเรียง
(sort) |
|
การจัดข้อมูลตามรูปแบบหรือกฎเกณฑ์บางอย่าง
ปกติจะจัดเรียงตามตัวอักษร แต่สามารถจัดเรียงตามตัวเลข ตามวันที่ และตามเวลาได้ด้วย
การเรียงทำจากน้อยไปมาก หรือมากไปน้อยก็ได้ การเรียงจากน้อยไปมากคือเริ่มจากวิ่งที่มาก่อนไปยังสิ่งที่มาสุดท้าย
น้อยที่สุดไปมากที่สุด หรือ ก ถึง ฮ ส่วนการเรียงจากมากไปน้อยจะตรงกันข้าม
ระบบปฏิบัติการมักจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกในการจัดเรียงแฟ้มตามลำดับตัวอักษร
โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์แสดงรายการต่างๆ เรียงตามลำดับตัวอักษรปกติ หรือย้อนกลับ
รวมทั้งโปรแกรมสเปรดชีตที่จัดเรียงเซลล์หรือช่วงของเซลล์ได้ ในโปรแกรมฐานข้อมูลการเรียงจะสร้างแฟ้มใหม่ขึ้นมาต่างจากการทำดัชนี
|
|
การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด
(point-to-point) |
|
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารสองเครื่อง
โดยใช้สื่อกลางหรือช่องทางในการสื่อสารช่องทางเดียวเป็นการจองสายในการส่งข้อมูลระหว่างกันโดยไม่มีการใช้งานสื่อกลางนั้นร่วมกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ
การเชื่อมต่อลักษณะนี้เป็นการเชื่อมต่อที่ทำให้สิ้นเปลืองช่องทางการสื่อสาร
|
|
|
การเชื่อมต่อแบบหลายจุด
(multipoint) |
|
เป็นการใช้งานช่องทางการสื่อสารเต็ม
ประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเชื่อมต่อลักษณะนี้จะใช้ช่องทางการสื่อสารหนึ่งช่องทางเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารหลายชิ้น
โดยมีจุดเชื่อมแยกออกมาจากสายหลัก |
|
|
การตรวจสอบด้วยส่วนซ้ำซ้อนแบบวน
(Cyclic Redundancy Check:CRC) |
|
เทคนิคการตรวจสอบข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ
ที่ใช้ในดอสเมื่อมีการบันทึกข้อมูลลงในจานแบบแข็งหรือแผ่นบันทึก เมื่อบันทึกข้อมูลแล้วและเมื่อภายหลังเมื่อดอสมีการอ่านข้อมูลจากจานบันทึก
ก็จะมีการตรวจสอบข้อผิดพลาดอีกในลักษณะเดียวกัน ผลลัพธ์ของการตรวจสอบทั้ง 2
ครั้งจะนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด
เช่น CRC Error Reading Drive C แสดงว่ามีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นมนจานบันทึกแล้ว |
|
การติดต่อสื่อสาร
(communication) |
|
คำที่ใช้เรียก
telecommunications หรือ data communications อย่างสั้นๆ มักใช้อธิบายการส่งข้อมูลไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกันผ่านโมเด็ม
หรือเครือข่าย |
|
การทำงานเป็นกลุ่ม
(workgroup) |
|
หมายถึง
กลุ่มบุคคลจำนวน 2 คนขึ้นไปที่ร่วมกันทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน โดยทั่วไปบุคลากรในกลุ่มเดียวกันจะรู้จักกันและทำงานร่วมกัน
เป้าหมายหลักของการทำงานเป็นกลุ่มคือ การเตรียมสภาวะแวดล้อมที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์ใน
การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
โดยทำให้เป้าหมายของธุรกิจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิผล แนวทางหลักก็คือการทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันโดยเฉพาะข้อมูลและอุปกรณ์เทคโนโลยีพื้นฐาน
การนำเอาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาเชื่อมต่อกันด้วยแลน (Local Area Network :
LAN) ทำให้มีการเชื่อมโยงและใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ร่วมกัน |
|
การประมวลผลแบบกลุ่ม
(batch processing) |
|
การประมวลผลโดยมีการรวบรวมข้อมูลเอาไว้เป็นกลุ่มให้เรียบร้อยก่อน
แล้วนำกลุ่มข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลอย่างต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ในระหว่างการประมวลผลนี้ผู้ใช้ต้องปล่อยให้เครื่องดำเนินการประมวลผลไปจนเสร็จได้ผลลัพธ์ออกมาโดยไม่มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด
ตรงกันข้ามกับการประเมินผลแบบเชื่อมตรง (on-line processing) ซึ่งสามารถป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา
|
|
การประมวลผลแบบเชื่อมตรง
(online processing) |
|
|
ในปัจจุบันการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานของประเทศต่างๆ
ทั่วโลก อยู่ที่การใช้ สารสนเทศเป็นส่วนใหญ่ แนวโน้มของระบบจัดการข้อมูลของยุคนี้
เริ่มเปลี่ยนจากระบบงานการประมวลผลแบบกลุ่มมาเป็นระบบตอบสนองทันที เช่น การฝากถอนเงินของธนาคารต่าง
ๆ ผ่านเครื่องรับ - จ่ายเงินอัตโนมัติ
|
|
การสืบคืน
(retrieval) |
|
กระบวนการทั้งหมดที่รวมถึงการค้นหา
การรวบรวม การแสดงผล หรือพิมพ์สารสนเทศที่ได้เก็บบันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาใช้ในครั้งต่อไป |
|
การเรียกดู
(browse) |
|
การเรียกดูข้อมูลเพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพื่อให้เห็นสิ่งทั้งหมดที่มีอยู่ |
|
ข้อความหลายมิติ
(hypertext) |
|
|
วิธีการนำเสนอข้อความที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อความอื่นๆ
ได้จากคำที่แสดงว่าเป็นคำสำคัญในการเชื่อมโยง เช่น เป็นคำขีดเส้นใต้ หรือคำที่เป็นตัวหนา
เป็นต้น เมื่อใช้เมาส์คลิกที่คำสำคัญแล้วจะมีช่องข้อความและภาพที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นปรากฏขึ้นมาให้อ่าน
รูปแบบของข้อความหลายมิติจึงมิใช่เป็นการเสนอเนื้อหาแบบเส้นตรงที่ผู้อ่านจะต้องอ่านตั้งแต่ต้นไปจนจบ
แต่สามารถอ่านแทรกข้อความที่เป็นคำสำคัญที่ตนสนใจได้เป็นระยะๆ ตามความต้องการ
|
โปรแกรมใช้งานในลักษณะข้อความหลายมิตินี้เหมาะในการทำงานที่มีข้อความจำนวนมาก
เช่น สารานุกรม และรายงานต่างๆ ที่แบ่งออกเป็นหลายชุดในเรื่องเดียวกันข้อความหลายมิตินี้เป็นเริ่มแรกของการพัฒนาไปสู่สื่อหลายมิติ
ในการเตรียมข้อความหลายมิตินี้
เราต้องเริ่มโดยการแบ่งย่อยข้อมูลออกเป็นส่วนเล็กๆ เช่น เป็นช่องข้อความ 1
หน้าเล็กๆ เหล่านี้เรียกว่า จุดต่อ (nodes) แล้วจึงทำคำสำคัญในลักษณะตัวหนาหรือตัวขีดเส้นใต้เรียกว่า
ปุ่ม (button) เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมโยงหลายมิติ หรือที่เรียกว่า hyperlink
ในข้อความ เมื่อผู้อ่านคลิกที่จุดเชื่อมโยงใดแล้ว โปรแกรมไฮเปอร์เท็กซ์จะแสดงข้อความในแต่ละจุดต่อที่มีข้อมูลเชื่อมโยงกับคำสำคัญนั้นขึ้นมา
กระบวนการในการสำรวจจุดต่อต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันโดยจุดเชื่อมโยงนี้เรียกว่า
การเลือกอ่าน (browsing) จุดต่อต่างๆ ที่รวมกันและมีการเชื่อมโยงระหว่างกันโดยจุดเชื่อมโยงเรียกว่า
เว็บ (web) เวิลด์ไวด์เว็บ ก็เป็นระบบข้อความหลายมิติที่เป็นชั้นครอบคลุมทั้งหมด |
|
ข้อมูลชนิดจำนวน
(numeric data) |
|
หมายถึง
ข้อมูลที่สามารถนำไปคำนวณได้ ข้อมูลชนิดนี้เขียนได้หลายรูปแบบ เช่น
(ก) จำนวนเต็ม หมายถึง ตัวเลขที่ไม่มีจุดทศนิยม เช่น 12 , 9 , 137, -46
(ข) จำนวณทศนิยม หมายถึง ตัวเลขที่มีจุดทศนิยม ซึ่งอาจมีค่าเป็นจำนวนเต็ม เช่น
12.0 หรือเป็นจำนวนที่มีทศนิยมก็ได้ เช่น 12.763
|
|
ข้อมูลชนิดอักขระ
(character data) |
|
หมายถึง
ข้อมูลที่ไม่สามารถนำไปคำนวณได้แต่อาจนำไปเรียงลำดับได้ ข้อมูลอาจเป็นตัวหนังสือ
ตัวเลขหรือเครื่องหมายใดๆ เช่น COMPUTER , ON-LINE , 171101 , &76 |
|
เขตข้อมูล
(field) |
|
หมายถึงหน่วยข้อมูลหน่วยหนึ่งที่กำหนดขึ้นมาแทนความหมายใดความหมายหนึ่ง
เขตข้อมูลแต่ละเขตประกอบด้วยตัวอักขระตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป |
|
|