Image_01 Image_02 Image_03
Krumontree.com Krumontree.com Krumontree.com
Home
Internet and Browser
Create and Design
Basic HTML
Beautiful Images
Control with Table
Links to the others
More tips and Tricks
FTP to Web Hosting
left_bottom
HTML Browser

รูปแบบหนึ่งของการบริการบนเครือข่ายที่มาแรงคือ World Wide Web หรือ WWW เพราะเป็นการปฏิวัติการสื่อสารบนเครือข่าย ที่ในอดีตทำได้เฉพาะตัวอักษร (Text) หรือข้อความล้วนๆ ซึ่งขาดความน่าสนใจ มาสู่การนำเสนอด้วยข้อความ รูปภาพและเสียง มัลติมีเดียไฟล์ชนิดต่างๆ

ytHTML : อักษรวิเศษของทิม

Tim Berners-Lee
Tim Berners-Lee

WWW ถูกพัฒนาขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ.1989 โดย ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยทางอนุภาคฟิสิกส์ของยุโรป (CERN) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ในครั้งแรก ทิมเพียงคิดอำนวยความสะดวกให้แก่บรรดานักวิทยาศาสตร์ของสถาบัน ให้ค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น จึงคิดประดิษฐ์ตัวอักษรที่มีความสามารถในการสื่อสารข้อมูลได้ เรียกว่า "ไฮเปอร์เท็กซ์" (Hypertext)

เมื่อได้ตัวอักษรที่มีคุณสมบัติพิเศษแล้ว สิ่งที่พัฒนาขึ้นต่อจากไฮเปอร์เทกซ์ก็คือ เครื่องมือสำหรับอ่านตัวอักษรที่เขาประดิษฐ์ขึ้น และเรียกเครื่องมือนี้ว่า "บราวเซอร์" (Browser) เพียง 3 ปีหลังจากกำเนิดไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้นมา โปรแกรมบราวเซอร์ตัวแรกชื่อ Mosaic ซึ่งทำงานบนระบบ X-Windows ก็สร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมา ในระบบการสื่อสารข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต และยังเป็นแม่แบบของบราวเซอร์ตัวอื่นๆ เช่น Netscape Communicator, Internet Explorer, Mozilla Firefox, Safari, Opera, Google Chrome เป็นต้น และก่อให้เกิดกระแสโลกไร้พรมแดนขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเราเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และใช้บราวเซอร์ในการสืบค้นข้อมูล สิ่งที่พบในหน้าต่างบราวเซอร์ คือ โฮมเพจ หรือ เว็บเพจ นั่นเอง การสร้างโฮมเพจหรือเว็บเพจนี้จะใช้คำสั่งภาษาของทิมคือ "ไฮเปอร์เทกซ์" แม้ว่าต่อมา จะมีการพัฒนาโปรแกรมที่ทำให้เราสามารถสร้างเว็บเพจได้อย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายการจัดเก็บไฟล์ การแก้ไขให้ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ก็ด้วยการใช้ตัวอักษรของทิม ที่เรียกกันติดปากว่า ภาษา HTML อยู่นั่นเอง

ytลักษณะเด่นของการนำเสนอข้อมูลเว็บเพจ HyperText

ความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังจุดอื่นๆ บนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างหลากหลาย ตลอดจนความสามารถในการเชื่อมโยงไปเว็บไซต์อื่นๆ ในระบบเครือข่าย อันเป็นที่มาของคำว่า HyperText (ข้อความหลายมิติ) ซึ่งเป้นข้อความที่มีความสามารถมากกว่าปกตินั่นเอง ซึ่งมีผู้ให้คำนิยามของเว็บไว้ดังนี้

  • The Web is a Graphical HyperText Information System.
    การนำเสนอข้อมูลผ่านเว็บ เป็นการนำเสนอด้วยข้อมูลที่สามารถเรียกหรือโยงไปยังจุดอื่นๆ ในระบบกราฟิก ซึ่งทำให้ข้อมูลนั้นๆ มีจุดดึงดูดให้น่าเรียกดู
  • The Web is Cross-Platform
    เอกสาร HTML ไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS) เนื่องจากข้อมูลถูกจัดเก็บเป็น Text File ดังนั้นไม่ว่า ไฟล์จะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเป็น UNIX หรือ Windows หรือ Mac OS ก็สามารถเรียกดูได้จากคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการต่างจากคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องบริการเว็บได้
  • The Web is distributed.
    ข้อมูลในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีปริมาณมากจากทั่วโลก และผู้ใช้จากทุกแห่งหน ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา ดังนั้นข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตจึงสามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกล
  • The Web is interactive.
    การทำงานบนเว็บไซต์ เป็นการทำงานแบบโต้ตอบกับผู้ใช้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น เว็บไซต์จึงเป็นระบบโต้ตอบ (Interactive) ในตัวมันเอง เริ่มตั้งแต่ผู้ใช้เปิดโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) พิมพ์ชื่อเรียกเว็บ (URL) เมื่อเอกสารเว็บแสดงผลผ่านบราวเซอร์ ผู้ใช้ก็สามารถคลิกเลือกรายการ หรือข้อมูลที่สนใจ อันเป็นการทำงานแบบโต้ตอบไปในตัวนั่นเอง

ytHomepage - Webpage - Website : อะไรกันแน่?

เว็บเพจ เว็บไซต์ และโฮมเพจ คำ 3 คำนี้จะมีความหมายที่แตกต่างกัน แต่มักจะถูกเรียกสลับกันจนสับสน ไม่ทราบว่าคำไหนคืออะไรกันแน่ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน ตรงกัน จึงขอให้ความหมายไว้ดังนี้

  • โฮมเพจ หมายถึง หน้าแรก ถ้าเปรียบหนังสือก็จะหมายถึงปกหน้า ซึ่งเป็นส่วนแรกที่ผู้ชมจะพบเห็นก่อนเป็นลำดับแรก การทำโฮมเพจให้สวยงามน่าประทับใจคุณก็มีชัยมากกว่าครึ่งแล้ว
  • เว็บเพจ หมายถึง หน้าเว็บทุกๆ หน้า ซึ่งรวมหน้าแรกด้วย เปรียบเหมือนหนังสือหน้าต่างๆ นั่นเอง ซึ่งจะขยายส่วนเนื้อหาต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เว็บไซต์ หมายถึง กลุ่มของหน้าเว็บเพจที่รวมกันและถูกอ้างถึงว่าตั้งอยู่ที่ใด เปรียบเหมือนที่วางหนังสือเล่มนั้นๆ ว่าอยู่ที่ชั้นใด หิ้งใด เราจะพบว่าการบอกตำแหน่งนั้นจะระบุเป็นชื่อ URL (Uniform Resource Locator) ซึ่งเราจะพิมพ์ลงไปในช่อง Address ของบราวเซอร์ เช่น http://www.krumontree.com

ytHTML : ภาษาหลักของการสร้างเว็บเพจ

ภาษา HTML เป็นภาษาหลักของการสร้างเว็บเพจ ซึ่งย่อมาจากคำว่า "Hyper Text Markup Language" ถูกพัฒนามาจากอักษรวิเศษของทิมนั่นเอง HTML เป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้ มีประโยชน์สูง ภายในเว็บเพจหน้าหนึ่งๆ จะประกอบไปด้วยคำสั่ง HTML ต่างๆ มากมาย โครงสร้างของภาษา HTML ถูกควบคุมและกำหนดโดยองค์กรที่เรียกว่า W3C (World Wide Web Consortium) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทำให้บราวเซอร์ทุกตัวทุกค่ายอ่านเว็บเพจได้

ภาษา HTML เป็นภาษาที่มีรูปแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน (คล้ายกับภาษาพูดของมนุษย์ในการสื่อสารกันนั่นเอง) ประกอบด้วย คำสั่ง (tag) ที่อยู่ภายในเครื่องหมาย < (น้อยกว่า) และเครื่องหมาย > (มากกว่า) มีรูปแบบดังนี้ <คำสั่ง> ในแต่ละคำสั่งสามารถมีคำสั่งขยายเพิ่มเติมเติมได้ เพื่อช่วยให้เกิดผลในการแสดงผ่านโปรแกรมบราวเซอร์แตกต่างกัน เช่น
            ตัวอย่าง 1 : <font color="red">ตัวอักษรสีแดง</font>
            ผลลัพธ์ 1 : ตัวอักษรสีแดง
            ตัวอย่าง 2 :<font color="red" size="3">ตัวอักษรสีแดงขนาดเท่ากับ 3</font>
            ผลลัพธ์ 2 : ตัวอักษรสีแดงขนาดเท่ากับ 3

            จากตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าคำสั่ง (tag) จะมีอยู่ 2 ส่วนคือ ส่วนเปิด <คำสั่ง> และส่วนปิด </คำสั่ง> เป็นคู่ๆ เสมอ (ส่วนปิดจะมีเครื่องหมาย / (slash) นำหน้า และไม่มีคำสั่งขยายเพิ่ม) แต่ก็มีบางคำสั่งที่ไม่จำเป็นต้องมีคู่ปิดได้ ซึ่งเราจะได้ศึกษารายละเอียดในลำดับต่อไป

ytโครงสร้างหลักของภาษา HTML

ในการเขียนภาษา HTML นั้น จะมีรูปแบบโครงสร้างการเขียนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

<html>
      <head>
          <title>
              ข้อความนี้จะแสดงบนไตเติ้ลบาร์ของบราวเซอร์
          </title>
      </head>
      <body>
          ส่วนเนื้อหาของเว็บเพจ ประกอบด้วย
            - ข้อความ
            - รูปภาพ
            - สื่อมัลติมีเดีย
          - - - - - - - - - - - - -
          - - - - - - - - - - - - -
          - - - - - - - - - - - - -
      </body>
</html>
(1) ส่วนประกาศ
(2)
 
  ส่วนหัว
 
(2)
(3)
 
 
 
  ส่วนเนื้อหา
 
 
 
(3)
(1)

  1. ส่วนประกาศ เป็นส่วนที่กำหนดให้บราวเซอร์ทราบว่า นี่คือภาษาเอชทีเอ็มแอล และจะต้องทำการแปรผลอย่างไรมีคำสั่งคู่เดียวคือ <html> และ </html> ปรากฏที่หัวและท้ายไฟล์
  2. ส่วนหัวเรื่อง (head) เป็นส่วนที่แสดงผลข้อความบนไตเติ้ลบาร์ของบราวเซอร์ และอาจมีคำสั่งสำหรับกำหนดรายละเอียดด้านเทคนิคอื่นๆ อีก แทรกอยู่ระหว่างคำสั่ง <head> และ </head>
  3. ส่วนเนื้อหา (body) เป็นส่วนที่มีความซับซ้อนมากที่สุด และสามารถใส่เทคนิคลูกเล่น เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้มาก ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ แสดงความมีฝีมือของผู้จัดทำ ศิลปะในการออกแบบจะอยู่ในส่วนนี้ทั้งหมด ซึ่งจะแทรกอยู่ระหว่างคำสั่ง <body> และ </body>

Click to TOP

 

Your visitor no.
Create & Design Web Page with Basic HTML & Tools
Author : KruMontree Kotkanta     e-M@il : webmaster at krumontree.com