The Emirates Lounge ใหญ่อันดับสองของโลกอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นรองแค่ Hub ที่สนามบินดูไบ เท่านั้น เปิดใช้แล้วในวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่อาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิ

Emirates (EK/UAE) สายการบินยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ลงทุนครั้งใหญ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยการเปิดตัวห้องรับรองหรือ Lounge แห่งใหม่ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ Satellite-1 อาคารหลังใหม่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีสถิติที่น่าสนใจคือเลาจน์แห่งนี้ เป็นเลาจน์ของ Emirates ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในบรรดาเลาจน์ทั้งหมดทั่วโลกของสายการบิน เป็นรองแค่เลาจน์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (DXB) ซึ่งเป็นฐานการบินของ Emirates เท่านั้น

เลาจน์แห่งใหม่นี้ อยู่บนชั้น 4 ของอาคาร SAT-1 โดยมีขนาดถึง 1,454 ตารางเมตร มีที่นั่งรองรับผู้โดยสารได้กว่า 250 ที่นั่ง หรือสามารถรองรับผู้โดยสารระดับพรีเมียมของเที่ยวบินที่ใช้ Airbus A380 ได้พร้อมกัน 2 เที่ยวบินแบบสบาย ๆ

ภายในเลาจน์มีโซนที่นั่งที่หลากหลายทั้ง โซฟาสำหรับพักผ่อน มุมชมรายการโทรทัศน์ ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่มองเห็นมุมกว้างของอาคาร SAT-1 และโซนที่นั่งสำหรับรับประทานอาหารที่เป็นโต๊ะอาหารโดยเฉพาะ โดยมีการติดตั้งพอร์ตจ่ายไฟด้วย USB-A USB-C ปลั๊กไฟแบบ Universal และที่สำคัญคือแท่นชาร์จไร้สายที่มีอยู่แทบทุกที่ ทางเข้าเลาจน์มีโมเดล Airbus A380 ขนาดใหญ่ และงานศิลปะที่เป็นทิวทัศน์ของนครดูไบ ในเลาจน์ยังมีพื้นที่บาร์เครื่องดื่ม 2 แห่ง และบาร์อาหารและเครื่องดื่มแบบบุฟเฟต์ขนาดใหญ่อีก 1 แห่ง ซึ่งให้บริการอาหารที่หลากหลาย รวมถึงตัวเลือกอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายในเลาจน์ยังมีห้องน้ำแยกชายหญิง ที่มีห้องอาบน้ำพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และมีห้องละหมาดแยกชายหญิงด้วย รวมถึงมีบริการเครือข่าย WiFi ครอบคลุมในพื้นที่ของเลาจน์

Emirates ลงทุนในการสร้างเลาจน์แห่งใหม่ที่ SAT-1 นี้ไปประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของตลาดกรุงเทพฯ และประเทศไทย โดยกรุงเทพฯ นั้นถือเป็นสถานีภายนอก ไม่รวมฐานการบินดูไบ ที่ Emirates มีการปฏิบัติการใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทั้งโลก เป็นรองแค่ลอนดอน

ปัจจุบัน Emirates ให้บริการเที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ถึงวันละ 6 เที่ยวบินต่อวัน โดย 5 ใน 6 เที่ยวนี้ใช้ Airbus A380 ส่วนอีก 1 เที่ยวใช้ Boeing 777-300ER

ในปีนี้ Emirates เตรียมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 35 ปีของการให้บริการในประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายการบินได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเติบโตของการท่องเที่ยว และธุรกิจให้กับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน เอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินระหว่างดูไบ และกรุงเทพฯ วันละ 5 เที่ยวบิน โดยใช้ A380 และ 777-300ER โดยหนึ่งในนั้นให้บริการต่อด้วยเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง วันละ 1 เที่ยวบินโดยใช้ A380 และยังมีเส้นทาง ดูไบ-ภูเก็ต วันละ 2 เที่ยวบินที่ใช้ 777-300ER

ใครสนใจใช้บริการห้องพักรับรองนี้ ก็ต้องใช้บริการเดินทางด้วยสายการบิน Emirates ด้วยที่นั่งระดับชั้นพรีเมี่ยม (First Class, Business Class) ในเส้นทางต่างๆ ดูนะครับ