emirates_airlines

ประสบการณ์สมัครแอร์เอมิเรตส์
@Penang, Malaysia รอบ Oct 2015

วันนี้ขอนำเสนอประสบการณ์ของน้องใหม่ ลูกเรือ EK Crew ที่เดี๋ยวคงได้พบกันในการทำงาน “น้องอีฟ” เล่าถึงประสบการณ์ในการเดินทางไปสมัครทำงาน เป็นนางฟ้าหมวกแดง ที่ Emirates Airlines เพิ่งจะเปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ ปีนัง มาเลเซีย ซึ่งเป็นประสบการณ์หนึ่งที่น่าเอามาบอกกล่าวกัน สำหรับน้องๆ สาวสวยที่ฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตส เอามาเล่าสู่กันฟัง ยินดีต้อนรับนะ… น้องอีฟ อ่านประสบการณ์ของอีฟกันได้เลยครับ…

วัสดีค่าทุกคน ตอนนี้ถึงคิวอีฟอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ walk-in สายการบินที่หลายๆ คนใฝ่ฝันถึงนะคะ…. สายการบิน Emirates นั่นเอง

อีฟก็เคยเป็นคนนึงที่ได้แต่ฝัน แต่วันนี้ฝันอีฟเป็นจริงแล้ว ด้วยการที่เราไม่ได้ไปเรียนเตรียมตัวสอบแอร์ที่ไหน แถมการสมัครครั้งนี้เป็นการลงทุนไป walk-in ที่ต่างประเทศอีก อีฟเลยต้องหาข้อมูล เตรียมตัวซักหน่อย ต้องขอบคุณพี่ๆ รุ่นก่อนๆ ที่ได้แชร์ประสบการณ์การสมัครเอมิเรตส์ ทั้งที่ไทย และที่ต่างประเทศ ทำให้อีฟเตรียมตัวเตรียมใจได้ถูก หลังจากที่อีฟ take แล้ว ตอนนี้อยากจะเป็นคน give ให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่อยากได้หมวกแดงมาครอบครองได้รู้ process และเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ จากประสบการณ์การ walk-in ต่างประเทศครั้งแรกที่ Penang, Malaysia ในเดือนตุลาคมของอีฟนะคะ พร้อมแล้วเรามา take off กันเลย

การเตรียมตัวก่อนไป Open Day

ก่อนหน้าที่จะไป walk-in ก็ถามตัวเองว่า ต้องลงทุนทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก แถมยังคิดอีกว่า จะได้ร้อออออ… คนหลายร้อย เอาแค่ไม่กี่คน ก็ถามตัวเองอีกว่า พร้อมมั้ย อยากได้งานนี้แค่ไหน คำตอบที่ได้จากตัวเองคือ ใช่ อยากได้ แต่ไม่ค่อยพร้อมเลยอ่ะ… แต่อีฟก็คิดว่า โอกาสมันมาแล้ว ไม่พร้อมตอนนี้ ไปพร้อมตอนไหนอ่ะ 5555 ก็เลยบอกแม่เลย “แม่ อีฟไปปีนังได้มั้ยยยย อยากไปสมัครเอมิเรตส์” ตอนแรกก็กลัวแม่จะไม่โอเค แต่ไม่เลย แถมยังชวนป๊าไปด้วยกันอีก อยากจะขอบคุณป๊ากับแม่มากๆๆๆ ที่สนับสนุนทุกความฝันของอีฟน้า

พอป๊ากับแม่โอเคปุ๊บก็จัดการบุ๊คตั๋ววันต่อไปเลย จัดการที่พักเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครทั้ง thaicabincrew ทั้งจากเพจ cabin crew wannabes ทั้งจากที่พี่ๆ คนอื่นที่เคยมาแชร์ไว้ใน Pantip อยากจะบอกว่ามันช่วยมากๆๆๆ ค่ะ ทำให้เรารู้ว่าขั้นตอนเป็นยังไง บรรยากาศจะเป็นประมาณไหน นอกจากเว็บไทย อีฟก็ดูจาก Youtube มีทั้ง Mahdiabeauty, Crewabs แล้วก็คลิปต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Emirates cabin crew เป็น inspiration ที่ดีที่สุดเลย จากทั้งหมด ที่อีฟชอบที่สุดเลยคือ Lisa Single อยากแนะนำให้ทุกคนดูคลิปของ Lisa มีทั้งสอนแต่หน้าทำผม การสมัคร การวางตัวต่างๆ รวมถึงชีวิตในดูไบ อีฟชอบประโยคนึงที่ลิซ่าพูด ก็คือ เราควรจะมี inner confidence สิ่งนี้จะดึงดูดคนเข้ามาหาเราเอง ถ้าเราเชื่อในตัวเรา คนอื่น (รวมทั้งกรรมการ) ก็จะเชื่อมั่นในตัวเราด้วย ใช่ม๊า

CV Drop Off (Open Day) @ Holiday Inn Penang on 09/10/15

ในเว็บเขียนไว้ว่า เวลาเริ่มคือ 9 โมง แต่จากที่อ่านรีวิวมา เค้าแนะนำให้มาก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง กรรมการจะได้เห็นว่า เราตั้งใจนะ เราไม่เลทน้า อีฟก็จัดเลย ตื่นตี 5 ค่า ตื่นมาอาบน้ำแต่งหน้าทำผมกินข้าวให้เรียบร้อย ออกจากโรงแรมก็ประมาณ 7.30 เดินไป Holiday Inn ไปถึง 7.45 เกือบๆ 8.00 เค้าก็ให้เข้าไปนั่งในห้องที่จะใช้ในวันนี้เลย ตอนนั้นคนมาแล้วน่าจะประมาณไม่เกิน 40 คน ก็นั่งคุยกับเพื่อนใหม่ไป ก็พูดกันเล่นๆ ว่า เนี่ยรอบนี้รอบสุดท้ายนะ จบปึ้งเลย ได้เลยนะรอบนี้ 555555 แต่พูดขำๆ คิดว่า จะได้ได้ไงคนก็เยอะ คนอื่นก็เป๊ะกันซะ ก็คุยๆ ไป เจอเพื่อนใหม่เยอะๆ ก็ทำให้เราไม่ตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว

พอตอนประมาณ 9 โมง กรรมการก็มาทักทาย (รอบที่ปีนังนี้มีกรรมการแค่คนเดียว เป็นผู้หญิงอังกฤษ ชื่อ Holly เป็นกรรมการที่น่ารักและใส่ใจมากๆ) หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนไปต่อคิว เขียนชื่อตัวเองลงในใบลิสต์รายชื่อ ที่ด้านหลังห้อง ใครเขียนเสร็จก็เริ่มไปส่ง CV ให้กรรมการได้เลย ระหว่างรอ ทุกคนก็คุยกัน ทำความรู้จักกัน อีฟอยากจะบอกว่ากรรมการถึงเค้าจะไม่ได้จ้องเราตตลอดเวลา แต่เค้าสังเกตตั้งแต่เรารออยู่ในห้องแล้ว ถึงจะไม่ใช่คิวของเราในการยื่น CV แต่เราก็ควรรักษาบุคลิกไว้ตลอด เช่น ตัวตรง ไม่คุยหัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊ากเกินไป ถือเป็นการให้เกียรติคนอื่นที่กำลังยื่น CV กันอยู่ด้วย

อีฟได้ยื่นเป็นคิวกลางๆ คำถามที่ถามเป็นคำถามเกี่ยวกับตัวเราทั้งนั้นเลย พอถึงคิวอีฟปุ๊บ อีฟก็ยิ้มให้กรรมการตั้งแต่เดินไปจนถึงโต๊ะกรรมการ แล้วก็ทักทายกรรมการ Hello How are you today? คุยเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะเริ่มถาม ของอีฟ กรรมการถามว่า “อยากจะให้เรียกว่าอะไรดี” เราก็บอกว่า “อีฟ” แล้วกรรมการก็สังเกตเห็น อ้อ ที่จริงเราเขียนไว้ใน CV แล้วนี่ 555 ชื่อเราเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้กรรมการจำได้ง่าย ตอน Group Assessment กรรมการก็ยังจำชื่อเราได้ ใครชื่อเล่นออกเสียงยาก แนะนำให้คิดชื่อเล่นง่ายๆ ไปเนอะ

อีกคำถามนึงก็คือ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ อีฟก็บอกไปว่า ตอนนี้กำลังหางานอยู่ เพิ่งเรียนจบเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไป Orlando, USA เพื่อไปทำงานที่ Disney World ประมาณ 3 เดือน กรรมการก็โอเค แต๊งกิ้ว เราก็แบบ OMG ทำไมเร็วจัง ยังไม่ทันได้พูดไรมากเลย หรือจะไม่สนใจเรา งืออ.. แต่เพื่อนคนไทยคนต่อมาก็โดนถามเหมือนกัน แล้วก็เร็วแบบนี้ พอทุกคนเสร็จ ก็ต้องรอกรรมการเอาผลมาแปะหน้าห้อง เป็นวินาทีที่ลุ้นมากๆ จริงๆ คิดว่าขออยู่ได้มั้ย ยังไม่อยากกลับบ้านน้าา 55555 ผลออกมา เรากับเพื่อนคนไทยผ่านทั้งคู่จ้า แสดงว่าสัมภาษณ์เร็วช้าไม่ได้เป็นตัวชี้วัด รอบแรกจากประมาณ 300 คน เหลือผู้รอดชีวิต 77 คน ทุกคนจะได้หมายเลขของตัวเองที่ใช้จนถึง Final Interview ของอีฟได้เบอร์ 45

 

หลังจากนั้นกรรมการก็ให้ดู Presentation เกี่ยวกับ Emirates การทำงานเป็นลูกเรือกับชีวิตใน Dubai กรรมการพูดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของเค้า ที่เลือกมาเป็นลูกเรือกับ Emirates มันให้โอกาสหลายๆ อย่างกับเค้า แต่ทางกลับกัน ก็ต้องเสียสละหลายๆ อย่าง เช่น เวลากับครอบครัว วันหยุดที่ประเทศเค้าก็ไม่ได้กลับไปฉลองกับที่บ้าน ต้องห่างไกล อีกอย่างการเป็นลูกเรือ ถึงแม้เราเหนื่อยแค่ไหน เราก็ยังต้องหน้าตาสดชื่น และยิ้มให้แขกตลอด กรรมการบอกก่อนกลับว่า ให้ทุกคนกลับไปคิดว่า งานนี้ที่จริงเหมาะกับเราจริงๆ รึเปล่า หลังจากนั้นก็นัดเวลาสำหรับวันถัดมาแล้วปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านพักผ่อน

พอปล่อยกลับก็ไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมแล้วก็ไปหาอะไรกินต่อชิวๆ เดินเล่นที่ชายหาดนิดนึง ทำให้ลืมเครียดไปเลย

Group Assessment 1 on 10/10/15

สำหรับ Assessment Day เริ่ม 9 โมง แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆคือ Group Discussion 1 & 2 ขอเรียกว่ากรุ๊ป 1 กับ กรุ๊ป 2 นะคะ กรุ๊ป 1 จะเป็นกลุ่มละประมาณ 20 คน 4 กลุ่ม ใช้เวลากลุ่มละครึ่งชั่วโมง การจัดกลุ่มเป็นกลุ่มที่กรรมการแบ่งเอาไว้ให้ตั้งแต่วันก่อนหน้าแล้ว

ของอีฟเข้าไปเป็นกลุ่มที่ 3 (กรุป C) แต่ก่อนที่จะเข้าไป ก็ทำความรู้จักเพื่อนๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันก่อน พอเข้าไปจะได้ไม่ตื่นเต้นเวลาคุยกันข้างใน พอเข้าไปปุ๊บก็จะมีเก้าอี้วางล้อมเป็นวงกลมอยู่ กรรมการก็ให้นั่งเรียงตามเลขที่ตามที่ได้มาเมื่อวาน หลังจากนั้นก็ให้แนะนำชี่อทีละคน พร้อมบอก 1 คำที่แสดงถึงตัวเอง มีทั้งจริงจัง มีทั้งฮา พอเสร็จปุ๊บกรรมการก็แบ่งเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละ 3 คน แล้วให้เราจับเลือกใบอาชีพ แล้วให้โจทย์ว่า “ให้คิดคุณสมบัติของอาชีพนี้ แล้วให้อธิบายให้เพื่อนคนอื่นฟัง” โดยทุกคนในกลุ่มทั้ง 3 คนต้องพูด เราก็ช่วยกันคิด พอคิดเสร็จก็แบ่งเลยใครพูดอะไรบ้าง กลุ่มของเราที่ได้น่ารักมาก ช่วยกันดีมาก เป็นคนไทย 2 เกาหลี 1

แต่กรุ๊ป 1 นี้ ต้องระวังนะคะ เพราะมีเพื่อนที่อยู่อีกกลุ่มบอกว่า “โดนเพื่อนแย่งพูด ที่คิดๆ กันเอาไว้ก็เอาไปพูดคนเดียว” อีฟว่า เพื่อความชัวร์ก็ต้องแอบคิดๆ ไว้เผื่อบ้าง ถ้าโดนแย่งพูด เราจะพูดอะไรแทน พอพูดเสร็จ คนอื่นๆ ก็จะต้องทายกันว่า “เราพูดถึงอาชีพอะไรอยู่” อีฟว่ากรุ๊ป 1 จะให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่เครียด ไม่กดดัน เป็นตัวของตัวเอง หลายๆ คนสงสัยว่า “ไปสมัครแอร์ต้องยิ้มตลอดเวลามั้ย” อีฟบอกเลยว่า อีฟยิ้มตลอดไม่ได้ค่า มันเกร็ง ยิ้มเหี่ยว 555 ถ้ามีอะไรทำให้เรายิ้ม เราก็ยิ้ม ถ้ามีอะไรฮา เราก็หัวเราะ กรรมการอยากเห็นความเป็นตัวเรา กรรมการไม่อยากเห็นหุ่นยนต์แน่นอน

พอทายอาชีพกันเสร็จทุกกลุ่ม กรรมการจะให้เราเลือกใบสิ่งของ ของอีฟได้ “รองเท้าแตะ” จะมาประยุกต์ยังไงกับอาชีพที่เราได้ก่อนหน้า อีฟก็ให้ไอเดียที่อีฟคิดว่า จะเอารองเท้าแตะมาใช้อย่างนู้นอย่างนี้ เพื่อนคนไทยก็เห็นด้วยก็ช่วยกันเพิ่มนู่นนี่ให้ดูมีอะไร ส่วนเกาหลีก็พูดอีกไอเดียนึง สุดท้ายเราบอกว่างั้นเอาทุกอย่างมารวมกันจะได้ดูมีไอเดียดีๆ ครั้งนี้กรรมการจะจิ้มแค่ 1 คนจากในกลุ่มให้พูด กลุ่มเรา กรรมการเลือกเพื่อนเกาหลี ซึ่งเค้าพูดแต่ไอเดียของตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มไป พอประกาศผล พี่เกาไม่ผ่าน แต่เราคนไทย 2 คนผ่าน แอบเห็นใจเค้า ที่จริงเค้าน่ารัก แต่แค่อาจจะไม่เข้าใจที่สื่อสารกัน อยากจะให้ผ่านไปด้วยกันเพราะก่อนเริ่มเราก็พูดว่า เราจะต้องผ่านไปด้วยกัน 3 คนเลยนะ ไออ่านมานะยูว มีหลายกลุ่มที่เค้าผ่านยกกลุ่ม 3 คนเลยนะ รู้สึกเสียดายแทนเค้า รอบนี้จาก 77 คน เหลือ 45 คน

อันนี้เป็นการแต่งตัวของวัน Assessment Day นะคะ ลืมถ่ายรอบ CV Drop Off ไป ก็ตามสไตล์เอมิเรตส์ ชุดสูท Formal ลิปแดง เล็บแดง ถ้าใครคิดว่าไม่ทาแดงได้มั้ยย ก็ได้ค่ะ เค้าไม่บังคับ ถ้าแต่งยังไงแล้วเรามั่นใจ ก็แต่งตามนั้นได้เลย แต่การที่เราทาลิปแดง เล็บเนี๊ยบๆ กรรมการก็จะจินตนาการเห็นเราในชุด Uniform ของเค้าได้ง่ายขึ้น เพราะลูกเรือผู้หญิงทุกคนต้องปากแดงแป๊ดๆ แบบนี้ ส่วนเล็บจะทาสีก็ได้ ใสก็ได้ French style ก็ได้แล้วแต่เลย แต่เล็บเปล่าๆ นี่ไม่แนะนำค่ะ

Reach Test

ต่อมา 45 คนผู้รอดชีวิตต้องมาทำ Reach Test หรือการเอื้อมแตะนั่นเอง ซึ่งความสูงกำหนดไว้ที่ 212 เซ็นติเมตร ก็ถือว่าค่อนข้างสบายสำหรับอีฟ เพราะสูง 169 และแขนยาว ยังไม่ทันเขย่งก็ถึงเส้นแล้ว แต่กรรมการก็บอกว่าให้เขย่งให้สุดเลย ไม่แน่ใจว่า มือเลยกระดาษวัดไปเลยรึเปล่า 55555 หลังจากอีฟไฟนอลเสร็จ เปิดเว็บเอมิเรตส์มาดูอีกที อ้าว มีแอ๊ดส่วนสูงเพิ่มด้วย คือต้อง 160 เซ็นติเมตรขึ้นไปทั้งผู้ชายผู้หญิง แต่รอบอีฟไม่ได้โดนวัดก็เลยบอกไม่ได้ว่าเค้า กดส่วนสูงมั้ยหรือยังไง สำหรับเอื้อมแตะ กรรมการบอกว่า “แตะแค่มือเดียวพอ ถอดสูทได้ เขย่งได้แต่ห้ามปลายเท้าแบบ Ballerina” รอบอีฟไม่มีคนตกรอบนี้นะคะ

นอกจากเอื้อมแตะกรรมการก็จะถามถึง รอยแผลเป็น ปาน หรือรอยสักต่างๆ คือถ้ามันเล็กๆ เห็นไม่ค่อยชัด หรือเป็นแค่ไฝ กรรมการบอกไม่ต้องบอกนะคะ เอาที่เห็นชัดๆ หรือใหญ่หน่อย ถ้าเป็นที่หลัง ท้อง หรือที่มันจะไม่โชว์ออกมานอก Uniform แน่นอน ก็ไม่ต้องบอกค่ะ อันนี้กรรมการบอกมา รอบนี้มีคนกลับบ้านแค่คนเดียว เพราะเค้ามีรอยสักที่เห็นได้ตอนใส่ Uniform (นี่ไงถึงบอกว่าการสัก Tattoo แม้คุณจะชอบอย่างไร ถ้าอยากมีอาชีพบางอย่างนั้น เขาห้ามนะ ให้ระวังให้มาก)

หลังจากเสร็จเอื้อมแตะปุ๊บ ก็เข้าสู่กรุป 2 เลย เรียกว่าแทบไม่มีเวลาได้หายใจเลย ตื่นเต้นเร้าใจจริงๆ

Group Assessment 2

และนี่คือใบประกาศจากรอบกรุ๊ป 1 สำหรับคนที่ผ่านเข้ากรุ๊ป 2 นะคะ

กรุ๊ป 2 สำหรับอีฟแตกต่างจากกรุ๊ป 1 อย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ มันค่อนข้างเครียดกว่ามาก จากที่อ่านมาแล้วก็ถามเพื่อนของพี่สาวที่เป็นสจวร์ตที่เอมิเรตส์ เค้าบอกว่าอย่าพูดเยอะเกินจนไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นพูด แต่ก็ไม่ควรพูดน้อยไป ควรจะสุภาพ แต่แย้งได้ถ้าคิดไม่เหมือนเพื่อน เราก็แอบกลัว ควรจะพูดยังไงให้พอดี แล้วจะพูดทันเพื่อนมั้ย จะมีโอกาสให้เราพูดมั้ย แล้วจะคิดออกมั้ยว่าจะพูดไรดี 555555 คือกลัวทำออกมาไม่ดี แต่ก็คิดว่าเอาน่ะ คิดไรออกก็พูด รอจังหวะดีๆ ค่อยพูดละกัน

รอบนี้ตั้งเก้าอี้เป็นวง 20 ตัวเหมือนเดิม แต่นั่งกันแค่ 11 คนติดกัน ฝั่งตรงข้ามกรรมการจะนั่ง นั่งเรียบร้อย กรรมการก็จะให้โจทย์มาอ่าน โจทย์ที่ได้เกี่ยวกับบริษัทเรือที่ระบบการจองเสีย มีคนจอง 8 กลุ่ม แต่มีที่นั่งสำหรับ 2 กลุ่มเท่านั้น เราจะเลือกใคร เพราะอะไร อีฟพูดไปไม่ได้เยอะ ประมาณ 3-4 ครั้ง แต่พยายามให้มีสาระ (ปกติเป็นคนไม่ค่อยมีสาระ ครั้งนี้เลยต้องพยายามหน่อย 555) มีครั้งนึงที่อีฟพูดความเห็น มีคนเกาหลีคนนึงแย้งขึ้นมา แต่ไม่ได้พูดถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่เห็นด้วย ผลออกมาคนนี้ก็ไม่ผ่านเข้าไฟนอล

หลังจากที่สังเกต จุดที่กรรมการอยากได้คือ มีไอเดียแต่ก็เคารพความคิดเพื่อน สิ่งที่ห้ามสุดๆ คือ ความ aggressive ต้องค่อยๆ พูด มีมารยาท ถ้าเห็นด้วยกับเพื่อนก็บอกว่าไอเห็นด้วยนะ แล้วเราก็สามารถเพิ่มเติมอย่าง งี้ๆ ได้ด้วย หรือถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องพูดเหตุผลด้วยน้า ไม่เอาลอยๆ พอหมดเวลา 15 นาที กรรมการก็จะเริ่มถามเกี่ยวกับที่เราคุยกันไปนั่นแหละ ตอนแรกเราเห็นด้วยกับเพื่อนๆ มั้ย ทำไม ของอีฟกรรมการไม่ได้ถามตอนแรก แต่ท้ายๆ กรรมการถามว่ามีใครมีไอเดียอีกมั้ย จะ compensate คนที่ไม่ได้ไปยังไง เราก็ยกมือบอกไอเดียเราไป แต่กรรมการก็เริ่มถามอีกว่า ถ้าลูกค้าไม่พอใจล่ะ อยากได้แต่ขึ้นเรือจะทำไง อีฟคิดว่ากรรมการเค้าอยากจะรู้ว่า ถ้าต้องรับมือกับผู้โดยสาร จะทำได้มั้ย โดนวีนจะหน้าเหวอรึเปล่า ถ้าทำได้ก็ได้ใจกรรมการค่า ตอนนั้นอีฟคิดว่าจะผ่านมั้ยน้า โดนกรรมการจี้เนี่ย ออกมาก็กลัว พอยิ่งกรรมการเอาใบประกาศมาแปะปุ๊บ บอกตรงๆ ไม่อยากดูเล๊ยยย

เดินลงบันไดไปดูอย่างช้าๆ ถึงกระดาษก็ดู แต่ด้วยความที่คนมุงกันเยอะมาก เราก็มองไม่ค่อยเห็น มองผ่านๆ ไม่มีเบอร์เรา…. แล้วเพื่อนที่ไปด้วยกันก็บอกว่าเห้ยยยยย เราผ่านทั้งคู่ พร้อมกับเพื่อนๆ หลายคนที่ฝ่าฟันมาด้วยกัน ทั้งพี่ไทยพี่เกา วินาทีนั้น น้ำตาซึม แบบเห้ยยยย นี่มันเกินความคาดหมายเรามาขนาดนี้เลยหรออ กระโดดกอดกับเพื่อน กอดแล้วกอดอีก รอบนี้จาก 45 เหลือ 27 คนค่ะ กลุ่มอีฟ จาก 11 เหลือ 6 คน

English Test

หลังจากจบ Group Discussion 2 มีเวลาให้ดีใจและเสียใจร่ำลาเพื่อนๆ น้อยมาก เพราะต้องต่อด้วย English Test เลย ตอนนั้นก็เวลาประมาณ 5-6 โมงแล้ว เหนื่อยอยู่ เพราะมันเครียดและลุ้นตลอดเวลา แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพื่อหมวกแดงของพวกเรา

English Test มี 2 ชุด ได้คนละชุดกับคนข้างๆ ถ้าใครได้ Toeic ซักประมาณ 700+ ก็ถือว่าไม่ยากเกินไปค่ะ ข้อสอบมีหลายส่วน ส่วนแรกจะเป็น Reading Comprehension ทำความเข้าใจ Passage ที่อ่านแล้วเอามาตอบคำถาม ก็ต้องวิเคราะห์เล็กๆ ไม่ยาก มีให้อ่านป้ายสั้นๆ แล้วเลือกข้อที่ความหมายตรงกับป้าย มี Passage อีกอันที่จะเว้นว่างบางช่วงแล้วให้เราเลือกประโยคที่ดูเหมาะที่จะเติมเข้าไป ในที่เว้นว่างอันนั้น สุดท้ายจะเป็น Grammar เลือกใช้คำให้ถูกว่าควรอยู่ในฟอร์มไหน Adjective Adverb Verb Noun อันไหนเหมาะที่จะไปเติมลงใน Passage ที่ให้มา อีฟรู้สึกว่าอันนี้ง่ายกว่า Toeic ใครทำ Toeic สบายๆ อันนี้ก็ชิวเลย สำหรับด่านนี้จาก 27 คนเหลือ 24 คนแล้วค่ะ

ทีนี้ทุกคนก็มาถึงไฟนอลแล้ว กรรมการก็ยินดีด้วยกับเราทุกคนที่ผ่าน พร้อมกับให้กระดาษมาหลายใบให้เรากรอก มีใบ ภาษา กรรมการบอกว่าจะใส่ภาษาอะไรต้องสื่อสารได้ดี อ่านออกเขียนได้นะคะ ถ้าเบสิคหรือพูดได้ อ่านไม่ได้ก็ไม่ต้องเขียนลงไป ถ้าไปถึงที่ดูไบ ทำไมได้ก็จะมีปัญหาทีหลัง ต่อมาเป็น ใบ Declare พวกแผลเป็น ปาน รอยสักที่สามารถเห็นได้ตอนที่เราใส่ Uniform รอยแผลเป็นยุงกัดนิดหน่อยจางๆ หรือเล็กๆ แค่ครึ่งซม. ก็ไม่ต้องเขียนลงไปค่ะ แล้วกรรมการก็ให้แบบฟอร์ม Pre Joining Form ให้ใส่ข้อมูลของตัวเราเองลงไป เช่น ประวัติการศึกษา การทำงาน บลาๆ แล้วก็ใบลิ้งค์ไว้ทำ Psychometric Test เทสท์ว่าเราเป็นคนแบบไหน คนที่จะไฟนอลวันต่อไปเลยให้ทำภายในเที่ยงคืน ส่วนคนอื่นให้ทำภายในเที่ยงของวันต่อมา กรรมการให้เลือกกันเองว่า จะไฟนอลวันไหน ตกลงกันเอง รอบนี้มีให้เลือก 4 วัน อีฟเลยเลือก 2 วันถัดไป เพราะต้องกลับกรุงเทพไม่เกินวันจันทร์ ก็เลยเลือกเป็นวันจันทร์ 11 โมง ทีนี้ก็ถึงเวลาพักผ่อนซักที เย่! เป็นวันที่ยาวนานและเหนื่อยมาก ตื่นเต้นลุ้นระทึกทุกวินาทีจริงๆ 55555

เสร็จจากวัน Assessment ก็มีเวลาว่าง 1 วัน ด้วยความที่เราต้องส่งรูปทั้ง casual ทั้ง formal แต่ที่เอามามันไม่ตรงสเป็คเค้าเลย เราเลยตระเวนหาร้านถ่ายรูปในปีนัง แต่!! วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งร้านถ่ายรูปเกือบทั้งหมดปิด ก็ไม่เป็นไรกรรมการให้ส่งตามหลังได้ งั้นเราก็มานั่งกินอาหารปีนังชิวๆ ก่อนละกันน ไหนๆ จะอดเที่ยวละ 55555 หมูสะเต๊ะนี่อร่อยม๊ากก ขอเอามายั่วทุกคนหน่อยนะคะ

เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่ากับ Final Interview ด่านสุดท้ายค่า

Final Interview 12/10/15

ตื่นเช้ามาแต่งหน้าทำผม กินข้าวล่วงหน้านิดนึง จะได้ไม่ต้องรีบมาก รูปนี้ถ่ายไว้ก่อนที่จะเดินไป Holiday Inn ค่ะสำหรับรอบนี้ ก่อนที่จะเข้าห้องไป อีฟตื่นเต้นมากๆๆๆ เพราะรู้สึกว่า เราใกล้เข้ามาแล้วนะๆ ไม่อยากพลาดตรงนี้ ถึงตรงนี้แล้ว ไม่ Hit ก็ Miss เลย

ก่อนหน้าที่อีฟจะมาปีนัง อีฟก็ลองลิสท์ๆ คำถามดู แต่ก็ไม่ได้ฝึกตอบคำถามเท่าไหร่ เพราะว่าไม่คิดว่าจะผ่านถึงไฟนอล 555 พอผ่านแล้วก็เอาคำถามพวกนั้นมาลองคิดดู จะตอบประมาณไหนดีน้า จะยกตัวอย่างตอนทำงานตอนไหนมาดี แต่พอเอาเข้าจริง คิดสดเป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ บางคำถามตอบไปกรรมการบอกว่า “ขอตัวอย่างใหม่ได้มั้ย” ถึงจุดนั้นเราก็ต้องตอบให้ได้ มีบางช่วงที่หยุดคิดไปเหมือนกัน แต่พยายามไม่ให้หยุดนานเกินไป คำถามที่อีฟโดนก็จะมี

1. Tell me about your work experience in Disney World (อีฟใส่ประวัติการทำงานว่าเคยเป็นคนคุมเครื่องเล่นที่ดิสนีย์เวิร์ล เค้าก็เลยให้เราเล่าคร่าวๆ ค่ะ)
2. Tell me about when you went beyond expectation of your customers
3. Tell me about when you gave advice to your colleagues
4. What is the hardest transition in your life?
5. Tell me about the time that you had to adapt yourself into different culture (อันนี้ตอนแรกอีฟบอกไปว่าเรื่องภาษา ตอนที่ไป exchange ที่ฝรั่งเศสตอนปี 3 แต่เค้าไม่เอา ให้คิดใหม่ เอาเป็นอะไรที่เราอะแด๊บ นิสัยหรือ behavior เราเข้ากับวัฒนธรรมนั้น)
6. Tell me about when you had overload works, how?
7. What motivated you to work till the end at that time?
8. How long do you know Emirates?
9. Why do you wanna be a cabin crew at Emirates?

กรรมการก็บอกว่า หมดคำถามแล้ว ให้ถามอะไรก็ได้ที่เราสงสัย อีฟถามถึง career path แล้วก็ถามว่ามีคลับอะไรให้เข้ามั้ยตอนอยู่ที่นู่น หลังจากนั้นก็จบ ก่อนออกจากห้องเราก็พูดจากใจเลยว่า Thank you so much Holly. You’re the most caring recruiter I’ve ever met and thank you for these days, for your hard work. เพราะเค้ามาทำงานคนเดียวสัมภาษณ์เองทุกอย่าง เสียสละเวลาให้พวกเราได้เข้าสัมภาษณ์กันตั้ง 24 คน เค้าตอบกลับว่า ต้องขอบคุณเราสิที่เลือกเค้า อีฟก็บอกว่ายังไงก็ขอบคุณที่ให้โอกาสอีฟนะคะ แล้วก็จับมือกู๊ดบาย วันนั้นอีฟรู้สึกว่า ก็โอเคนะ แต่พอกลับมาไทยก็คิดไปคิดมา รู้สึกว่าบางอย่างไม่น่าตอบไปงั้นเลย น่าจะตอบให้ดีกว่า น่าจะยกตัวอย่างอื่นมากกว่า ก็เลยเตรียมใจเอาไว้ เริ่มเล็งๆ งานอื่นบ้าง

พอกลับมาเราก็ต้องรีบส่งรูปที่เค้าขอไว้ให้เร็วที่สุด เพราะรูปที่อัดไปให้เค้าดูใช้ไม่ได้เลยค่ะ มีทั้งใส่หมวก ทั้งกระโปรงเกินเข่า ทั้งมีกระเป๋าบังตัว ก็ไปถ่ายทั้ง Formal ทั้ง Causual ใหม่หมด ได้รูปปุ๊บก็รีบส่งเลยค่ะ เค้าให้เวลาไม่เกิน 7 วันหลังจากที่เราสัมภาษณ์ไฟนอล ถ้ามีใครอยากรู้ว่ารูปภาพต้องเป็นแบบไหน ถามกันเข้ามาได้นะคะ จะอธิบายให้ฟังทีหลัง อันนี้เป็นตัวอย่างรูป Casual ครึ่งตัวที่ส่งไปค่ะ

หลังจากนั้นก็รอไป 3 อาทิตย์ รอ รอ รอออ… มีเพื่อนคนไทย 2 คนที่ได้อาทิตย์ก่อนหน้าแล้ว เกาหลีก็ได้กันไปแล้ว 4 คน แถมมีคนได้ Unsuccessful Mail ตอนเช้าวันนั้นอีก ซักพักตอนบ่ายๆ เพื่อนคนไทยที่ผ่านเข้าไฟนอลด้วยกันพิมพ์มาในกลุ่มว่าได้ JFIP (Joining Formalities in Progress) แล้ว ถามว่าอีฟได้ยัง อีฟก็ลองเช็คดู ยังง่ะ… เหมือนเดิม ผ่านไปอีกซัก 15 นาที ไหนลองเช็คดูอีกทีซิ เห้ยยยยยย เห้ยยยย เห้ยยยยยยยย status เปลี่ยนเป็น Joining Formalities in Progress เหมือนกันนนนนนน น้ำตาไหลเลย เป็นครั้งที่ 2 ที่น้ำตาไหลในชีวิตเพราะความดีใจหลังจากสอบเข้า ม.ปลาย ติด 555555

วันต่อมาก็ได้รับสายที่ทุกคนเรียกกันว่า Golden Call จากดูไบ โทรมา Congrats และบอก Date of Joining คือวันที่ 1 มกราปีหน้าค่ะ ปีใหม่ งานใหม่ ชีวิตใหม่เลย ตอนนี้ก็ตรวจเลือด ฉีดวัคซีน ทำฟันเรียบร้อยแล้วได้ Final Approval แล้ว เย่!!

อันนี้เป็น Timeline ของอีฟตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ไปดูไบนะคะ

Open Day : 9/10
Assessment Day : 10/10
Final Interview : 12/10
ส่งรูปภาพต่างๆตามไป : 15/10
Status เปลี่ยนจาก Application Under Review เป็น Interview Completed : 22/10
Status เปลี่ยนเป็น JFIP : 3/11
Golden Call : 4/11
Date of Joining : 1/1

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านกันถึงจบนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปสมัครไม่ว่าจะเป็น ทั้งที่ไทยแล้วก็ต่างประเทศนะคะ อยากให้ทุกคนที่มีความฝัน ได้ทำฝันให้เป็นความจริง การสมัคร Emirates ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของอีฟ หลังจากรอบมกราคมที่ผ่านมาที่กรุงเทพฯ อีฟก็ไม่ผ่านตั้งแต่ CV Drop Off แต่ก็ไม่ท้อค่ะ แล้วก็มาลองที่ปีนังอีกครั้ง ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มมากๆ เลย แถมได้เพื่อนน่ารักๆ อีกเยอะมากๆ สุดท้ายอยากฝากรูปนี้ให้ทุกคนนะคะ

ทุกคนมีความฝันได้ ก็ทำให้มันเป็นความจริงได้เหมือนกัน ขอให้ทุกๆคนที่มีความฝันโชคดีนะคะ ได้ Golden Call กันเร็วๆ ทุกคนค่า

ที่มา : http://pantip.com/topic/34461782

Loading

About Post Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error

Enjoy this blog? Please spread the word :)