VietJet Interview Process
ประสบการณ์สมัคร VietJet Air
วันนี้รวบรวมเอา “ประสบการณ์สมัคร์แอร์สายการบิน VietJet” จากเวียดนามกันหน่อย เพราะเห็นประกาศรับสมัครกันบ่อยๆ ต้องบอกก่อนนะว่า VietJet Air นั้นเป็นสายการบินเอกชนของเวียดนาม ที่เติบโตเร็วมาก (สั่งเครื่องทีหนึ่งเป็นร้อยลำ) มีฐานการบินอยู่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติเติ่นเซินเญิ้ต นครโฮจิมินห์ซิตี้ และท่าอากาศยานนานาชาตินอยไบ กรุงฮานอย กำลังขยายเส้นทางการบินทั้งภายในประเทศเวียดนามเอง และในภูมิภาคเอเชีย และมีการจัดตั้งบริษัทลูกในประเทศไทยด้วยคือ Thai VietJet Air ด้วย
การรับลูกเรือส่วนใหญ่จะรับที่ฐานการบินหลักๆ ในเวียดนาม ทั้งที่กรุงฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ ดานัง นานๆ ทีจะมารับในประเทศไทย เพื่อไปประจำการในฐานการบินต่างๆ ในเวียดนาม ซึ่งมีประกาศรับสมัครเป็นระยะๆ ในส่วนของไทยเวียตเจ็ทก็รับบ้างนานๆ ทีเพื่อประจำที่สถานีฐานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
การรีวิวนี้จะรวมการสมัครของทั้งบริษัทแม่ VietJet Air และบริษัทลูก Thai VietJet Air รวมๆ กันเลย เพราะจะมีขั้นตอนในการสมัคร/สัมภาษณ์คล้ายๆ กัน
1. การสมัคร
ให้ติดตามข่าวการสมัครผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งจากเว็บไซต์บริษัท Facebook หรือจากที่เว็บของเรานี้ก็ได้เหมือนกันครับ กรณีที่เป็นการเปิดรับแบบ Walk-in ก็เตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม เช่น แบบฟอร์มการสมัคร (ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ได้โดยตรง) ภาพถ่ายขนาด 4×6 พื้นหลังสีขาว และใบรับรองผลการทดสอบทางภาษา (TOEIC) ไปให้พร้อมตรงไปยังสถานที่รับสมัครตามประกาศเลย
สำหรับการสมัครแบบ Invite เพื่อรับเทียบเชิญนั้น VietJet Air การรับสมัคร ให้ส่งใบสมัครพร้อมเอกสารต่างๆ ข้างต้นไปทางอีเมลตามที่กำหนด ส่วน Thai VietJet Air นั้นกลับให้ส่งเอกสารใบสมัครพร้อมเอกสารอื่นๆ ไปทางไปรษณีย์ (ในครั้งที่ผ่านมานะ) ครั้งต่อไปอาจจะสมัครทางออนไลน์ก็ได้
เมื่อส่งใบสมัครไปแล้วก็คงได้แต่รอให้เขาเรียกไปสัมภาษณ์ขั้นต่อไป ใจเย็นๆ ฝึกซ้อมเรื่องการตอบคำถามต่างๆ การเลือกเครื่องแต่งกายให้พร้อม สายการบินนี้มีข้อกำหนดชัดเจนนะว่า
- สุภาพสตรี กระโปรงยาวถึงเข่า เสื้อแขนสั้น ถุงน่องสีเนื้อ (ไม่อนุญาตให้ใช้สีอื่นนาจ๊ะ) การแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ (สวย สุภาพ สมวัย)
- สุภาพบุรุษ กางเกงขายาวสีดำ/กรมท่า เสื้อเชิ้ตแขนสั้น (เหตุผลคงเป็นเพราะต้องการดูรอยสัก/แผลเป็นมั๊ง) ทรงผมเรียบร้อยดูดี (จะผูกไทด์หรือไม่ก็ตามใจ)
Tip : มีเคล็ดลับมาฝากเล็กน้อย แม้เขาจะระบุว่าต้องการเอกสารเพียง ใบสมัคร/ภาพถ่าย/ใบรับรองการทดสอบทางภาษา แต่ถ้าเราจะส่ง Resume/CV ที่อัพเดทล่าสุดไปด้วยก็ดี เพราะจะเป็นการบอกคุณสมบัติความเหมาะสมของเราในฐานะลูกเรือได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะสร้างความพึงพอใจ ความประทับใจในการใส่ใจของเราเพิ่มมากขึ้น ในใบสมัครควรระบุอีเมล์ที่ใช้อยู่เป็นปัจจุบัน (อีเมล์ที่ใช้ควรเป็นทางการที่เป็นชื่อหรือนามสกุลของเรา อย่าใช้อีเมล์แบบแนวๆ กวนๆ นะครับ) และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา
2. รอบดูตัว (Pre-Screen)
วันนี้นอกจากการแต่งตัวจะต้องดูดี เป็นไปตามข้อกำหนดแล้ว สำคัญที่สุดคือเรื่องเวลา ต้องไปล่วงหน้ากันอย่างน้อยสัก 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการรับแบบ Invite หรือ Open Day ยิ่งถ้าเป็นแบบ Open Day ถ้าเราไปถึงช้า ก็ยิ่งจะได้คิวหลังๆ ถ้ามากกว่า 500 นี่หนักใจเลย เพราะกรรมการกว่าจะคัดเลือกมาถึงเลขที่เราก็คงจะเหนื่อย หรือรีบร้อนจนไม่สนใจรายละเอียดดีๆ ของเราไปก็ได้
มาถึงก็ยื่นเอกสารต่างๆ รับหมายเลขลำดับในการคัดเลือก ทำการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงกัน (อย่าให้ดัชนีมวลกาย หรือค่า BMI เกินมาตรฐานล่ะ) สายการบินนี้สุภาพบุรุษต้องสูงอย่างน้อย 170 เซนติเมตรขึ้นไป (ถ้าต่ำกว่านี้ต้องไม่ต่ำกว่า 168 เซนติเมตรแต่จะต้องมีคะแนน TOEIC มากกว่า 600 ขึ้นไปนะถึงจะรับ) ส่วนสุภาพสตรีต้องสูงอย่างน้อย 160 เซนติเมตร (ถ้าต่ำกว่าก็ต้องไม่ต่ำกว่า 158 เซนติเมตรและต้องมีคะแนน TOEIC มากกว่า 600 ขึ้นไปด้วย) เห็นไหมว่าการสอบและมีคะแนน TOEIC สูงๆ มันมีประโยชน์มากเหมือนกันนะ เจ้าหน้าที่วัดส่วนสูงค่อนข้างเข้มงวดมากนะ มีคนไม่ผ่านค่อนข้างเยอะทีเดียว
Tip : การวัดส่วนสูงนั้น ตอนวัดให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วยืดตัวขึ้นสูงสุดๆ และทำหน้ายิ้มกว้างๆ เข้าไว้ ยิ้มสยามอาจช่วยให้กรรมการให้ผ่านได้
เมื่อผ่านขั้นตอนวัดส่วนสูง/ชั่งน้ำหนักแล้ว ก็เข้าไปภายในห้องประชุมนั่งเรียงตามลำดับเลขที่คิวที่ได้มา รอการเรียกเข้าพบกรรมการในห้องสัมภาษณ์ การเรียกเข้าพบกรรมการในแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน (จากคนที่เคยไปสมัครในฐานการบินต่างๆ เล่ามา) จะมีตั้งแต่รอบละ 2-6 คน มีกรรมการประมาณ 4-7 ท่าน นั่งประจำที่โต๊ะ เมื่อเข้าไปก็ทำความเคารพกรรมการเลย (สไตล์คนไทยก็ไหว้นี่แหละ) โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทีมงานของบริษัท ที่อยู่ด้านนอกห้องสัมภาษณ์คอยปล่อยเข้าไปทีละคน เดินเข้าไปหากรรมการตามทิศทางลูกศรบนพื้นห้อง (เดินให้สวยอย่างนางงาม หรือนางแบบ/นายแบบบนแคตวอล์คเลยทีเดียว) กรรมการจะจับตามองตั้งแต่พ้นประตูเข้ามา เดินให้สง่า มั่นใจ ยิ้มทักทายด้วย (สำคัญมากเวลาเดินเหลือบตาดูลูกศรนิดหนึ่ง อย่าให้ผิดทิศผิดทาง หรือเดินลัดลูกศรที่กำหนด ตกได้ไม่รู้ตัวนะ)
เดินไปหยุดต่อหน้ากรรมการ (ในจุดที่เขามาร์คไว้ที่พื้น) จากนั้นกรรมการก็จะเริ่มจ้องมอง สั่งให้หมุนตัว หันข้าง หันหลัง โชว์คอ โชว์แขน (คงดูรอยสักหรือแผลเป็น) รอเพื่อนๆ เดินเข้ามาจนครบทุกคนในกลุ่ม กรรมการก็จะให้แนะนำตัวทีละคน (ที่โต๊ะกรรมการจะมีแฟ้มเอกสารของแต่ละคน ซึ่งกรรมการจะดูรายละเอียดว่าตรงกับการแนะนำตัวไหม) แล้วก็ถามคำถามจากเอกสารนั้นบ้าง บางคนอาจไม่ถูกถามก็ได้ เสร็จแล้วก็เดินเรียงแถวออกมาจากห้อง รอฟังผลว่าจะเข้ารอบต่อไปไหม…
3. รอบกิจกรรมกลุ่ม Group discussion & Uniform fitting
เมื่อผ่านรอบ Pre-Screen แล้วก็เข่าสู่การทำกรุ๊ปสนทนาเป็นกลุ่มใหญ่ จะมีตั้งแต่ 5-10 คน (ทั้งนี้ตามจำนวนที่ผ่านมาจากรอบ Pre-Screen มากน้อย) ในการทำกรุ๊ปนี้มีตั้งแต่แบบโยนปัญหาให้ช่วยกันคิด แก้ปัญหา แสดงความเห็นออกมา ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการทำกรุ๊ป ไม่นั่งนิ่งๆ แต่ก็อย่า Over Acting เกินไป คือเปิดโอกาสหรือโยนคำถามให้เพื่อนในกลุ่มได้พูดบ้าง กรรมการจะดูและจดบันทึกตลอด
Tip : ในขั้นตอนนี้คือต้องมีส่วนร่วมเยอะๆ ต้องเป็นได้ทั้งผู้พูดและผู้ฟังที่ดี หลีกเลี่ยงการใช้คำในเชิงลบ เป็นมิตรกับเพื่อนในกลุ่มทุกคน และสำคัญรักษาบุคลิกที่ดีไว้ด้วย
จากนั้นก็จะเป็นรอบลองชุด การแต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มของสายการบิน (แนะนำให้เตรียมเข็มกลัดไปด้วยนะ เผื่อได้ชุดที่ไม่พอดีตัว จะได้จัดการให้ดูดีได้) กรรมการอาจจะขอให้ถอดถุงน่องออกสำหรับสุภาพสตรี ใครที่ทาพวกครีมบำรุงผิวไปอาจถูกขอให้ทำการเช็ดออกเพื่อดูผิวที่แท้จริง จะเข้าไปให้กรรมการดูครั้งละ 3 คน การใส่กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้น กรรมการคงต้องการดูว่า มีรอยแผลเป็น หรือขาโกงหรือเปล่า? อันนี้ไม่แน่ใจ เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็กลับไปเปลี่ยนชุดออก แล้วกลับไปรับซองชี้ชะตาจากกรรมการ ที่หน้าซองจะมีหมายเลขประจำตัวของเรา กรรมการจะให้เรามาเปิดซองที่ห้องด้านนอก ใครพบกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีข้อความ Congratulation! ก็รอสัมภาษณ์รอบไฟนอลต่อได้เลย ส่วนใครที่เปิดซองเจอ Unsuccessful ก็คงต้องก้มหน้ากลับบ้านไปแบบเงียบๆ
4. รอบสุดท้าย Final Interview
กรรมการจะมีทั้งหมดประมาณ 5-7 คน ที่จะมาประเมินและถามคำถามเรา โดยผู้สมัครจะเข้าไปสัมภาษณ์ในรอบนี้ทีละ 2 คน คำถามก็มีหลากหลายที่เอามาจาก Resume/CV เรานั่นแหละ ตั้งแต่เรื่องส่วนตัว ครอบครัวของเรา และอื่นๆ เช่น
- ทำไมถึงมีความสนใจในอาชีพนี้
- เคยมีประสบการณในการทำงานด้านบริการหรือฝึกงานมาก่อนไหม
- ทำไมถึงสนใจร่วมงานกับ VietJet
- ถ้ามาประจำที่เวียตนามไกลบ้านจะอยู่ได้ไหม
- ถ้าต้องเรียนภาษาเวียตนามเพิ่มจะทำได้ไหม
- เคยเดินทางมาเที่ยวเวียตนามมาก่อนไหม
- ทัศนคติที่มีต่อประเทศเวียตนาม
- ฯลฯ
การสัมภาษณ์รอบนี้ใช้เวลาไม่นานนักในแต่ละรอบประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วก็กลับไปรอฟังผลได้ ผู้ที่ผ่านรอบนี้จะต้องไปสอบภาษาอังกฤษ APTSI ต่อ และตรวจสุขภาพเป็นขั้นตอนสุดท้าย และเตรียมเก็บกระเป๋ารอเพื่อไปเทรนตามสถานที่ที่กำหนดได้เลย