ต้นทางกรุงเทพฯ แวะสิงคโปร์ เพื่อปลายทางโดฮา (1)

ตั้งชื่อตอนมาซะขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรมากครับ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ในการไป walk-in ครั้งแรก กับสายการบินระดับห้าดาวอย่าง Qatar Airways ที่สิงคโปร์กันครับ

สำหรับสายการบิน Qatar Airways ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบิน ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “สายการบินระดับห้าดาว” มาต่อเนื่องยาวนาน มีฐานการบินอยู่ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ดังนั้น ก็ไม่แปลกที่จะมีคนสนใจอยากเป็นลูกเรือ กับสายการบินนี้กันเป็นจำนวนมากครับ รวมถึงยังเป็นสายการบินที่มีการเปิดรับลูกเรืออยู่บ่อยๆ ตลอดๆ โดยเฉพาะในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้บ้านเรา ทั้งการรับสมัครที่กรุงเทพฯ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ หรือมะนิลา ก็ตามครับ

ช่วงที่สมัครก็เป็นช่วงประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ ครับ พอดีทราบข่าวมาจากหน้าเวปไซต์ของสายการบินว่า Qatar Airways จะมารับสมัครลูกเรือที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่มีการรับลูกเรือทั้งชายและหญิงครับ ส่วนใหญ่จะเจอแต่ Female Only (ต้องติดตามบ่อยๆ นะครับสำหรับคนที่สนใจ และควรดูประกาศจาก Head Office ของแต่ละบริษัท ไม่ใช่เว็บไซต์สาขา/ตัวแทนในไทย หรือจะติดตามจากบล็อกของผมนี่ก็ได้)

ปกติแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เคยสมัครกาตาร์เมื่อสองปีก่อน รู้สึกจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่มีการรับลูกเรือทั้งชายและหญิง หลังจากนั้นในประเทศไทย ก็จะเป็นการรับสมัครลูกเรือหญิงตลอด พอเห็นข่าวก็คิดว่า โอกาสครั้งนึงของเรามาถึงแล้ว ไปดีกว่าไม่ไป เพราะคงมาเสียดายทีหลัง ดังนั้นก็รีบจัดแจงตัวเองเลยครับ

อย่างแรกก็คือ เตรียมเอกสารกับเครื่องแต่งกายครับ เนื่องมาจากว่า ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เคยไปสมัครสจ๊วต ก็คือสองปีที่แล้ว ดังนั้น สูทและเอกสารอื่นๆ ก็ไม่ค่อยจะพร้อม จนถึงขั้นเรียกว่าไม่มีเลยดีกว่าครับ ดังนั้น ที่พึ่ง (ทางการเงิน) อันสุดประเสริฐของเราก็คือ คุณพ่อกับคุณแม่ครับ เป็นผู้สนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการที่สำคัญมากๆ ในการเดินทางไปตามล่าความฝันที่สิงคโปร์ครั้งนี้ครับ



สำหรับท่านที่พอมีทุนทรัพย์เดินทางไปเอง ก็สามารถข้ามบรรทัดนี้ไปได้นะครับ เริ่มต้นอย่างแรก เราก็ต้องหว่านล้อมธนาคารส่วนตัวของเราทั้งสองท่าน ให้กรุณาอนุมัติเงินจำนวนหนึ่งสำหรับตัดชุดสูท ราคาประมาณสามสี่พันบาท และหว่านล้อมชุดใหญ่สำหรับการอนุมัติเงินก้อน สำหรับตั๋วเครื่องบินและที่พักในสิงคโปร์ครับ

หลังจากธนาคารบุพการีเรา อนุมัติเงินจำนวนนี้แล้ว (ธนาคารของผมค่อนข้างอนุมัติง่ายครับ ไม่มีหลักฐานอะไร แค่อ้อนๆ นิดๆ ก็พอแล้ว) ก็เริ่มดำเนินการตามแผน ที่ยื่นไว้กับธนาคารครับ นั่นคือ “ตัดชุดสูท” เป็นอย่างแรก ซึ่งก็เลือกร้านตัดสูทชื่อดังแห่งหนึ่งครับ ด้วยความที่ร้านนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในการตัดชุดสูท แล้วก็สามารถตัดสูทออกมาได้ไม่แฟชั่นจนเกินไปนัก ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป เลยตัดสินใจเลือกร้านนี้ครับ

สำหรับการตัดสูท ก็จะใช้เวลาประมาณสามถึงสี่วัน ขึ้นอยู่กับทางร้าน โดยทางร้านก็จะให้เราเลือกแบบสูทตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบผ้า สี ทรงของเสื้อสูท ซึ่งสำหรับการสมัครสจ๊วตแล้วจริงๆ เลือกแบบที่เรียบร้อย และเราใส่แล้วมั่นใจจะดีกว่าครับ ถ้าเรามั่นใจในเสื้อผ้าที่สวมใส่ ความมั่นใจก็จะแสดงออกมาทางใบหน้า และรอยยิ้มของเราครับ

อีกเรื่องที่เราต้องเตรียมตัว และก็เป็นการบ้านที่หนักหนาอีกชิ้นนึง ก็คือการเลือกเสื้อเชิ้ตด้านใน และเนคไท จะเลือกอย่างไรให้สุภาพ และเข้ากับบุคลิก ตอนนั้นก็เลยเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา เน้นปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนเนคไทก็เลือกสีเทา และสีน้ำตาลมาครับ ส่วนจะเลือกแบบเส้นใหญ่ หรือเส้นแคบนี่ก็แล้วแต่ความชอบครับ เพราะตอนนั้นเลือกเนคไทแบบเส้นแคบหน่อยครับ ถึงกำหนดวันรับสูท ก็ต้องลองชุดสูทที่ตัดมาครับว่า พอดีตัวมั้ย กางเกงใส่แล้วพอดีหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจไม่มั่นใจตรงไหน ก็เชื่อมั่นว่า ทางร้านยินดีที่จะแก้ไขให้ ตามที่เราต้องการแน่นอนครับ

จากนั้นก็มาเตรียมตัวเอง ด้วยการตัดผม ครั้งนี้เลือกตัดแบบสั้นสุดๆ เรียบร้อยสุดๆ ไปเลยครับ แล้วก็ไปถ่ายรูปที่ร้านชื่อดังอีกเช่นกัน ร้านนี้ผมก็ลองเสิร์ชหาจากในอินเตอร์เนตครับ พบว่าเป็นร้านที่ล่ำลือ ถึงฝีมือในการถ่ายภาพ สำหรับการสมัครแอร์-สจ๊วตครับ แต่พอดูราคาแล้วก็พบว่า ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน แต่ด้วยความคิดว่า ลงทุนซะหน่อย เพื่อภาพถ่ายที่สวยสมใจอยาก ดังนั้นพอได้ชุดสูทแล้ว ก็รีบไปที่ร้านเลยครับ ในขั้นตอนการถ่ายที่สำคัญก็คือ ควรพาเพื่อนไปด้วยกัน อย่างในกรณีนี้ผมก็พาพี่สาวไปด้วย จะได้ช่วยกันดู ช่วยกันเลือกภาพถ่าย ในระหว่างนั้นก็พบว่า มีคนมาถ่ายภาพแอร์กันเยอะมากเหมือนกันครับ สุดท้ายก็ได้ภาพมาสวยงามสมใจหวัง

ต่อมาก็เตรียมเอกสารก็คือ เรซูเม่ (Resume) นั่นเองครับ งานนี้ก็วิ่งไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ เพื่อปริ้นท์เรซูเม่แบบสวยงามออกมาเลยทีเดียวครับ ก็ปริ้นท์ออกมาสามสี่ชุด เผื่อเหลือเผื่อขาดนะครับ จริงๆ สายการบินการ์ตาร์ต้องการรูปถ่าย แล้วก็เรซูเม่สองอย่างก็พอครับ แต่จริงๆ เราเตรียมเอกสารอื่นๆ ไปด้วยก็จะดีครับ อย่างเช่น สำเนาพาสปอร์ต หลักฐานทางการศึกษา เป็นต้นครับ เพราะหากกรรมการต้องการจริงๆ แล้วเราไม่มีให้ จะเสียโอกาสเปล่าๆ นะครับ อุตส่าห์เดินทางไปไกลขนาดนั้นแล้ว

เรียบร้อยแล้ว ก็รอรับเงินก้อนใหญ่ สำหรับการเดินทางไปสิงคโปร์ครับ แต่อย่าคาดหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะสนุกสนาน และสะดวกสบายนะครับ เพราะฐานะทางบ้านของผมเอง ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากมายนะครับ ดังนั้นเรื่องการเดินทางก็ต้องอาศัย Low-cost airline ไปสิงคโปร์ครับ ส่วนเรื่องที่พักก็นี่เลยครับ Backpacker Hotel เรียกว่าประหยัดสุดๆ เลยครับ

จองที่พักตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ก็แพคกระเป๋าเดินทาง แล้วเหินฟ้าไปสิงคโปร์กันครับ คุณแม่เป็นห่วง ที่เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก เลยให้พี่สาวไปเป็นเพื่อนครับ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาเล่าว่า เกิดอะไรขึ้นในสิงคโปร์กันครับ…

Loading

About Post Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error

Enjoy this blog? Please spread the word :)