Prepare for Take-off (1)
แล้วก็ถึงเวลาโบยบิน
เสียงเมสเสจเข้าในโทรศัพท์ดัง “ติ๊ด ติ๊ด” พร้อมข้อความ “Dear applicant, You have now optained the final approval.” ณ วินาทีนั้น ดีใจแทบคลั่ง แต่ความกดดันอีกล้านแปดรออยู่ข้างหน้าครับ
สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ เข้าไปในเวปไซต์รับสมัครงานของบริษัท ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดตข้อมูล การส่งเอกสาร วีซ่าและตั๋วเครื่องบิน ก็มาจากทางนี้ทั้งหมดครับ วันต่อมาก็จะมีโทรศัพท์โทรมาจากทางบริษัท โดยเจ้าหน้าที่จะอธิบายขั้นตอนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับเรา ดังต่อไปนี้ครับ
ลำดับแรกคือ ทางบริษัทจะส่งร่างสัญญาการจ้างงาน มาให้เราได้อ่านก่อน ซึ่งในสัญญาก็จะระบุ ระยะเวลาจ้าง รายได้ สวัสดิการต่างๆ เหมือนสัญญาจ้างงานทั่วไป แค่มันเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเองครับ หลังจากนั้นก็ให้เราคลิกตกลงยอมรับสัญญา ณ จุดนี้ ใครที่ไม่อยากรับก็ได้เสมอครับ แต่ก็ไม่ทราบว่าทางบริษัทจะทำอย่างไรต่อ เพราะเท่าที่รู้ทุกคนก็น่าจะตอบตกลงกันทุกคนครับ ซึ่งมีกำหนดให้เราตอบตกลงได้ เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นนะครับ ดังนั้น ก็อย่าคิดนาน เดี๋ยวจะพลาดไปซะเปล่าๆ (แต่ขุ่นแม่นี่ห่วงตลอดๆ เพราะลูกต้องจากไปไกลพำนักในต่างแดน)
การตรวจร่างกายสำหรับการคัดเลือกเป็นลูกเรือ ก็จะประกอบด้วย การตรวจเลือด สายตา ฟัน การได้ยิน และการตรวจโรคทั่วไป เพื่อหาความสมบูรณ์ของร่างกาย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ เราต้องเป็นคนออกเองนะครับ เพราะถือว่า เรายังไม่ได้รับการจ้างงานจากบริษัท ซึ่งตอนนั้นก็เลือกที่จะตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่งครับ (บริษัทจะระบุชื่อสถานพยาบาล ที่ผ่านการรับรองมาให้เลือก 5 แห่ง เราจะไปตรวจที่อื่นไม่ได้) ซึ่งส่วนตัวคิดว่า บริการดีมากๆ ใช้เวลาตรวจหนึ่งวันเต็มๆ ได้รับผลตรวจเช้าวันรุ่งขึ้นเลยครับ ที่เราต้องทำก็แค่ พิมพ์เอกสารที่บริษัทต้องการ ไปให้คุณหมอเซ็นรับรอง และประทับตราโรงพยาบาลครับ
ตอนแรกไปถึงก็คือ การตรวจเลือด และความดันก่อน ด้วยความตื่นเต้น หรืออะไรก็ไม่ทราบ ปรากฎว่า ความดันเลือดสูงมากเกินไป ต้องวัดถึงสามครั้งถึงจะผ่านครับ จากนั้นก็มาตรวจเลือด ปัสสาวะ แล้วก็มาตรวจสุขภาพสายตา ปิดท้ายด้วยการเอกซ์เรย์ปอดครับ จากนั้นก็ลงมาตรวจสุขภาพฟัน ซึ่งปรากฎว่า ต้องบูรณะกันชุดใหญ่เลยครับ เพราะว่าต้องอุดฟันหลายซี่ทีเดียว
วันรุ่งขึ้นมารับทราบผล ปรากฎว่า ทุกอย่างปกติสมบูรณ์ดีครับ ดังนั้นก็เหลือแค่เรื่องทำฟัน กับฉีดวัคซีนครับ ซึ่งทำฟันก็ใช้เวลาอีกสองวัน กว่าจะได้ผลผ่านตามที่บริษัทเขาต้องการ
การฉีดวัคซีนก็ต้องไปที่ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ครับ ไปที่ คลินิกเสริมภูมิคุ้มกัน และอายุรศาสตร์การท่องเที่ยวครับ ที่นี่ก็มีบริการฉีดวัคซีน ตามที่เราต้องการเลยครับ แต่ค่าใช่จ่ายก็ทำเอาน้ำตาไหลได้ง่ายๆ อยู่พอควรครับ (หมดไปหลายพันอยู่ แต่เบิกจากบุพการีได้) แต่เพื่องานเราก็ต้องยอมนะครับ สรุปรวมแล้วต้องฉีดทั้งหมด แปดเข็ม ด้วยกันครับ คุณหมอจึงแนะนำว่า ให้ฉีดวันแรกก่อนสี่เข็ม ถ้าไม่มีอาการไข้ ก็สามารถมาฉีดอีกสี่เข็มที่เหลือได้ในวัดถัดไป เรียกว่า ทำเอาแขนระบมกันไปข้างนึง พอครบเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ก็สแกนเอกสารส่งเข้าทางเวปไซต์ของบริษัทเลยครับ
หลังจากได้เอกสารต่างๆ แล้วก็ส่งไปให้ทางบริษัทพิจารณาจากนั้น ก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายจริงๆ คือ การออกวีซ่าเข้าประเทศ และออกตั๋วเครื่องบิน และกำหนดวันเดินทางของเรามาให้ครับ