Irkut MC-21 กับการต่อกรกับ 737 MAX & A320neo

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเขียนเรื่อง COMAC C919 เครื่องบินโดยสารลำตัวแคบจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้หาญกล้าท้าชิงส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องบินพิสัยกลาง จาก 2 ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกอย่าง Boeing 737 MAX จากสหรัฐอเมริกา กับ Airbus A320neo จากสหภาพยุโรป วันนี้ขอเสนอเครื่องบินอีกลำคือ MC-21 ที่พัฒนาโดยสำนัก Yakovlev Design Bureau และผลิตโดย Irkut ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ที่เป็นสาขาของกลุ่มบริษัทผลิตเครื่องบิน United Aircraft Corporation (UAC) ในรัสเซีย

รัสเซียพร้อมสำหรับการผลิต MC-21

มิคาอิล มิชุสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะเริ่มการผลิตเครื่องบินลำตัวแคบรุ่น MC-21 จำนวนมาก ในการกล่าวปราศรัยต่อ “สภาดูมา สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย” มิชูสตินได้วางเป้าหมายที่จะผลิตเครื่องบินโดยสารลำตัวแคบเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Boeing และ Airbus โดยกล่าวว่า

“เราวางแผนที่จะเริ่มการผลิตจำนวนมาก สำหรับเครื่องบินประเภทการขนส่งพลเรือนที่แข่งขันได้ ด้วยเครื่องบินพิสัยกลาง MC-21 และเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กอย่าง Baikal และเครื่องบินใบพัดแบบ Il-114-300 เพื่อใช้ในภูมิภาค”

เฉพาะเครื่องรุ่น MC-21 มีแผนการผลิตและจำหน่ายในสองรุ่น คือ MC-21-300 เป็นลำดับแรก และจะผลิตรุ่นย่อยลำตัวสั้นกว่า MC-21-200 ตามมา โดยเครื่องต้นแบบของ MC-21 กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบในสถานการณ์ต่างๆ ก่อนการขอใบรับรองสมควรเดินอากาศ ที่คาดหวังว่าจะสำเร็จในปลายปี 2021 นี้ และจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2022

MC-21 ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับเครื่องบิน Boeing 737 และ Airbus A320 โดยตรง ซึ่ง MC-21 จะรองรับผู้โดยสารได้ 163 คนในรูปแบบ 2 คลาส (ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด) และมีพิสัยบิน 3,240 NM (6,000 กม.) ในตอนเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก MC-21 วางแผนที่จะใช้เครื่องยนต์ของ Pratt & Whitney รุ่น PW1400G ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ในเครื่องบินตระกูล A320neo, A220 และ Embraer E2

Specifications : MC-21-300

  • ความยาวลำตัว – 42.2 เมตร
  • ปีกกว้าง – 35.9 เมตร
  • ความสูงจากพื้น – 11.5 เมตร
  • ความจุสองคลาส – ผู้โดยสาร 163 ที่นั่ง (ชั้นธุรกิจ 16 และชั้นประหยัด 147)
  • ความจุสูงสุด – 211 ที่นั่ง (มีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 28/29 นิ้ว)
  • ระยะพิสัยการบิน – 6,000 กม. / 3,240 NM (ด้วยการกำหนดค่าแบบสองคลาส)
  • น้ำหนักเครื่องสูงสุด (MTOW) – 79,250 กก.
  • ปริมาณบรรทุกสินค้าใต้ท้อง – 49 ลูกบาศก์เมตร

ในแง่ของความจุ MC-21 นั้นใกล้เคียงกับ A320neo และ 737 MAX 8 มากที่สุด เครื่องบินเหล่านี้มีพิสัยการบิน 6,300 กม. (3,400 NM) และ 6,570 กม. (3,550 NM) ตามลำดับซึ่งมากกว่า MC-21-300 พอสมควร อย่างไรก็ตามมุมมองของสายการบินนั้นเชื่อมั่นใน Airbus A320neo และ Boeing 737 Max รองลงมา (แม้ 737 MAX จะเสียชื่อไปหน่อยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาจากอุบัติเหตุและการห้ามบิน อ่านเรื่องเดิม)

เปรียบเทียบ COMAX C919 (จีน) กับ Irkut MC-21-300 (รัสเซีย)

  • ความจุแบบ 2 คลาส – 158 ที่นั่งเทียบกับ 163 ที่นั่ง (ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด)
  • ความจุชั้นประหยัดคลาสเดียว – 168 ที่นั่งเทียบกับ 211 ที่นั่ง
  • ความยาวลำตัว – 38.9 เมตร เทียบกับ 42.2 เมตร
  • ปีกกว้าง – 35.8 เมตร เทียบกับ 35.9 เมตร
  • ความสูงจากพื้น – 11.95 เมตร เทียบกับ 11.5 เมตร
  • แรงขับสูงสุดต่อเครื่องยนต์ – 31,000 lbf เทียบกับ 31,000 lbf.

จะเห็นได้ว่า C919 จะด้อยกว่า MC-21 ไม่มากนัก ขึ้นอยู่กับการตลาดที่จะแข่งขันกันมากกว่า ถ้าเอาเฉพาะลูกค้าสายการบินในประเทศ C919 ดูจะได้เปรียบกว่ามาก และข้อได้เปรียบอีกอย่างคือเรื่องเครื่องยนต์ ที่ C919 ยังได้รับการส่งมอบเครื่องยนต์จาก CFM International รุ่น LEAP-1C ที่มีชื่อเสียง เครื่องยนต์รุ่นนี้พบว่าใช้ใน Boeing 737 MAX และ Airbus A320neo โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ A320neo ได้รับการยกย่องในเรื่องการลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนระดับเสียงทั้งภายในและภายนอกตัวเครื่องนั้น ดีกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆ ในขนาดใกล้เคียงกัน

โครงการพัฒนา MC-21

โครงการ MC-21 มาจากภาษารัสเซีย “Магистральный Самолёт 21 века” ซึ่งแปลว่า “เครื่องบินสายหลักแห่งศตวรรษที่ 21” ใช้เวลาพัฒนายาวนานกว่า 15 ปี เริ่มบินทดสอบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 แต่เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งห้ามการขายเครื่องยนต์ Pratt & Whitney รุ่น PW1400G ให้ทางบริษัทคู่แข่งโลกตะวันออก ในเดือนธันวาคมปี 2020 เครื่องต้นแบบ MC-21-300 จึงต้องขึ้นบินทดสอบด้วยขุมพลังที่ผลิตเองในรัสเซีย ซึ่งรู้จักกันในชื่อเครื่องยนต์ PD-14 ผลิตโดย Aviadvigatel เครื่องยนต์ PD-14 ต่อยอดจากความสำเร็จของ PS-90 ที่เคยใช้ในเครื่องบินโดยสารรัสเซียรุ่น Sukhoi Superjet รุ่น 130NG โดยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม 15%

จากการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่อรัสเซียครั้งนี้ ทำให้โครงการหยุดชะงักและล่าช้าไปมาก ทั้งจากเครื่องยนต์ และวัสดุคอมโพสิตสำหรับการสร้างลำตัว และส่วนปีกเครื่องบิน ให้มีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา จึงทำให้รัสเซียตัดสินใจพัฒนาเครื่องยนต์ PD-14 จนสำเร็จออกมา

หลังจากทางการสหรัฐอเมริกาได้คว่ำบาตรรัสเซียโดยมีคำสั่งให้ United Aircraft Corporation และ Rostec ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัสดุคอมโพสิตสำหรับปีกของเครื่องบิน  MC-21 ตามแผนงานผลิตเดิม ทำให้นักเคมีและนักเทคโนโลยีชั้นนำของรัสเซีย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกและโรซาตอม ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา และการผลิตวัสดุคอมโพสิตในประเทศ เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตส่วนแผงปีกกล่องขนาดใหญ่ ความยาว 17.5 เมตร สำหรับเครื่องบิน MC-21-300 พัฒนาโดย AeroComposite และได้รับการจดสิทธิบัตรในรัสเซียแล้ว

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 โรงงานประกอบเครื่องบิน Irkut ซึ่งเป็นหนึ่งใน United Aircraft Corporation ได้ติดตั้งแผงปีกเข้ากับลำตัวเครื่องบินของเครื่องบินโดยสารรุ่น МС-21-300 เสร็จสิ้น โดยแผงปีกและส่วนตรงกลางลำตัวทำมาจากวัสดุผสมโพลีเมอร์ของรัสเซียเอง โดย AeroComposite-Ulyanovsk ผู้ผลิตกล่าวว่า “การใช้วัสดุคอมโพสิตที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา ทำให้สามารถพัฒนาปีกที่มีอัตราส่วนกว้างยาวและปรับปรุงแอโรไดนามิกของ MC-21 ได้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางของลำตัว เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายยิ่งขึ้น ปีกผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการแช่แข็งในสุญญากาศที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรในรัสเซียแล้ว”

โดยเครื่องบินลำนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งมอบให้กับ Aeroflot สายการบินหลักของรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มภายในสิ้นปี 2564 MC-21-300 เป็นเครื่องบินระยะกลาง ที่ออกแบบให้มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารได้ระหว่าง 132 ถึง 211 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีราคาสูง มีกำหนดจะเข้าแทนที่ Tu-154 และ Tu-204 และจะแข่งขันกับสองผู้ผลิตชั้นนำในรุ่นขายดีอย่าง Boeing 737 และ Airbus A320

การเปิดตัว MC-21-300 ตามที่วางแผนไว้ครั้งแรกจะใช้เครื่องยนต์ 2 แบบคือ Pratt & Whitney รุ่น PW1400G และ Aviadvigatel รุ่น PD-14 สายการบินส่วนใหญ่เลือกตัวเลือกแรก แม้ว่าผู้ผลิตในสหรัฐฯ จะส่งมอบเครื่องยนต์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งลำต้นแบบที่ใช้งานได้สี่เครื่อง แต่ยังคงเข้มงวดการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อมอสโกว์ ทำให้ Irkut จะไม่สามารถส่งมอบสิ่งที่พวกเขาสั่งซื้อให้กับสายการบินได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเจรจาสัญญาล่วงหน้าใหม่

จากจำนวน 12 สายการบินที่ลงนามในการจอง MC-21 ครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทอยู่นอกรัสเซีย ผู้ให้บริการในประเทศ ได้แก่ Aeroflot (ยืนยันการสั่งซื้อ 50 บวกตัวเลือกเพิ่มเติมอีก 35), Red Wings (16 ลำ), IrAero (10 ลำ), Yakutia (5 ลำ และตัวเลือก 5), Nord Wing, Angara และ Alrosa ซึ่งสายการบินหลักของรัสเซียอย่าง Aeroflot ดูไม่น่าจะใช้เครื่องบินที่ีผลิตลำแรกๆ ทำการบิน โดยเลือกที่จะรอดูว่า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และได้รับการแก้ไขในระหว่างการใช้งานเริ่มต้นเสียก่อน

ดังนั้นสายการบิน Angara และ IrAero ที่มีฐานบินอยู่ในอีร์คุตสค์ และ Red Wings ที่อยู่ในสังกัดของ UAC มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้รับ MC-21s ชุดแรกพร้อมเครื่องยนต์แบบ PD-14 (ข่าวล่าสุด Rossiya Airlines ในเครือ Aeroflot จะได้รับ 6 ลำแรกในปี 2022 เป็นเครื่องยนต์ของ Pratt & Whitney รุ่น PW1400G) และมีสายการบินในประเทศอื่นที่สั่งซื้อเช่น Azerbaijan Airlines, Cairo Airlines, Yakutia Airlines, Kazakhstan’s Bek Air, Merpati Nusantara Airlines (อินโดนีเซีย) ความวิตกกังวลหนึ่งของบรรดาสายการบินนอกรัสเซีย คือ การซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ที่อาจจะมีความล่าช้า เพราะยังไม่เป็นที่นิยมในตลาดการบิน (หลายสายการบินข้างต้นเจอพิษโควิดระบาด หยุดทำการบินไปหลายราย รอดูว่าเมื่อการระบาดสิ้นสุดสายการบินเหล่านี้จะกลับมาอีกหรือไม่)

ในทางกลับกัน ต้นทุนราคาที่ต่ำกว่าของเครื่องบิน MC-21 จากรัสเซีย อาจทำให้สายการบินบางแห่งตัดสินใจเลือกใช้ ตามที่ Russian Aviation Insider ตรวจสอบมา Irkut ระบุราคาไว้ที่ 96.1 ล้านดอลลาร์ (ในปี 2018) ในขณะที่ Simple Flying รายงานในเดือนมกราคม 2021 ว่า ราคาขายปลีกของ A320neo อยู่ที่ 110.6 ล้านดอลลาร์ และ 737 MAX 8 มีราคา 121.6 ล้านดอลลาร์ (ราคาอาจแตกต่างกันได้ จากการสั่งตกแต่งภายใน ทั้งเรื่องเบาะนั่งและอุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ) และแน่นอนว่า สายการบินต่างๆ มักจะได้รับส่วนลดจำนวนมากจากเงื่อนไขต่างๆ เช่น จำนวนที่สั่งจอง ออฟชั่นเพิ่มเติมสำหรับการซื้อเพิ่มในอนาคต เมื่อเทียบกับตัวเลขข้างบนนี้

ในปี 2022 เป็นต้นไป จะเป็นการพิสูจน์ว่า ทั้ง COMAX C919 กับ Irkut MC-21-300 จะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากน้อยเพียงใด และเราจะเห็นเครื่องบินทั้งสองแบบบินผ่านน่านฟ้าประเทศไทยหรือไม่?

 

Loading

About Post Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error

Enjoy this blog? Please spread the word :)