Changes!

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑ ทุกท่านครับ เทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ เป็นช่วงนาทีทอง ในการหารายได้ของทุกสายการบิน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้ง กัปตัน ลูกเรือ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ต่างก็ต้องทำงานกันหนัก ไม่ได้หยุดพักผ่อนกันหรอก (ผมเองช่วงนี้ก็ต้องบิน ดูไบ – กรุงเทพฯ – ซิดนีย์ – กรุงเทพฯ – ดูไบ) ทั้งๆ ที่ตอนทำงานใหม่ๆ บริษัทแจ้งพวกเราว่า 4 ปีจะได้สิทธิหยุดช่วงปีใหม่ 1 ครั้ง แต่นี่ผมทำงานมาจะเข้าปีที่ 8 ยังไม่เคยลาพักได้เลย ( 😡 เศร้าแป๊บ) ก็ขออาราธนา คุณพระศรีรัตนตรัย ศาสนา หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกท่านเคารพนับถือ ได้ดลบันดาลให้ทุกท่าน ประสบแต่โชคดี มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มั่งมีเงินทองไม่ขาดมือนะครับ

ข่าวทีสำคัญในรอบปีใหม่นี้ คือ การลดต้นทุนของแต่ละสายการบิน ที่เริ่มมีออกมาบ้างแล้ว ในหลายรูปแบบ เช่น การหาเครื่องบินประหยัดพลังงาน ลดจำนวนลูกเรือ หรือเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินลง เพราะมีระบบออโตเมติกมาทำงานแทนมากขึ้น อย่างการ Check in Online ล่วงหน้า หรือการใช้ตู้ Kios ในสนามบิน ทำการออกตั๋วโดยสาร การโหลดกระเป๋าเดินทางด้วยตนเอง เป็นต้น

Those Seatback Screens on Planes Are Starting to Disappear.

เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ในแต่ละเที่ยวบินลง สายการบินก็ต้องหาทางลดน้ำหนักลง ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งผู้โดยสาร การตกแต่ง การใช้วัสดุน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงทนทานขึ้น และที่เป็นข่าวดังก็คือ การที่สายการบินชั้นนำทั่วโลก จะเริ่มทยอยเอาจอภาพความบันเทิง และการสื่อสารกับผู้โดยสาร ที่หลังเก้าอี้โดยสาร (IFE) ออกแล้ว เนื่องจากว่าค่าติดตั้งราคาสูงมากถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 เก้าอี้ ถ้าในชั้นประหยัดมี 250 ที่นั่งก็ลองคูณดูครับว่าจะลดเงินที่ใช้ลงได้เท่าไหร่ แถมจอพวกนี้ก็ตกรุ่นเร็ว น้ำหนักก็มากด้วย วิธีแก้ไขก็คือ เปิด Wi-Fi ให้ผู้โดยสารสตรีมหนัง/เพลงจากเซิร์ฟเวอร์ (บนเครื่องบิน) มาดูบนมือถือหรือแท็บเล็ตของตัวเองแทน

ทางสายการบินเชื่อว่า ในปัจจุบันผู้โดยสารที่เดินทาง ต่างก็มีอุปกรณ์พกพาอย่าง SmartPhone, Tablet อย่างน้อยคนละ 1 เครื่องอยู่แล้ว ถ้าพวกเขานำเอาจอภาพหลังเบาะโดยสารออก นอกจากจะลดน้ำหนักบนเครื่องลงได้แล้ว ยังลดค่าบำรุงรักษาได้มากโขทีเดียว

สายการบิน American และ United Airlines เริ่มถอดเอาจอภาพดังกล่าวออกแล้ว สำหรับในสายการบินภายในประเทศ แล้วแทนที่ด้วยคำแนะนำ ให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์โมบายล์ต่อกับ Wi-Fi บนเครื่อง แล้วเลือกสตรีมความบันเทิงต่างๆ จากเซิร์ฟเวอร์บนเครื่องแทน ซึ่ง รองศาสตราจารย์ Lindsay Renfro ที่ Mayo Clinic บอกว่า เธอเดินทางประมาณเดือนละครั้งสำหรับงานของเธอ ในการพัฒนาการทดลองทางคลินิก เพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง และการดูความบันเทิงบนเบาะหลัง เป็นสิ่งที่มีความซ้ำซ้อน “มีหน้าจออื่นๆ ในชีวิต” เธอกล่าว “ฉันรู้ว่าเมื่อฉันบิน และฉันมองไปรอบๆ ตัว ฉันและผู้คนส่วนใหญ่จะใช้อุปกรณ์ส่วนบุคคล แม้ว่าจะมีหน้าจอที่นั่งโปรดให้พวกเขาก็ตาม”

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ Hawaiian Airlines จะไม่มีหน้าจอแบบติดที่เบาะหลังในเครื่องบิน Airbus A321 neo รุ่นใหม่ ซึ่ง Peter Ingram ผู้จัดการฝ่ายการตลาดได้กล่าวว่า

“กับ A321 neo เราได้ยอมรับในสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ในสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา ที่จริงแล้วการตัดสินใจของเราในการไม่ติดตั้งจอความบันเทิง เพราะคนส่วนใหญ่กำลังสนุกสนาน ด้วยอุปกรณ์บันเทิงของตนเอง และพวกเขาก็ละเลยอุปกรณ์ที่เรานำเสนอในหน้าที่นั่งแล้วด้วย”

แต่ก็นั่นแหละ ผู้เชี่ยวชาญในวงการกล่าวว่า “สายการบินต่างก็มีความเสี่ยง ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนที่ไม่ต้องการพึ่งพาอุปกรณ์พกพาของตนเอง เพื่อความบันเทิงในขณะที่พวกเขาเดินทาง พวกเขาอาจจะยังมีความต้องการใช้หน้าจอหน้าที่นั่งที่จอใหญ่กว่ามือถือ ไม่ต้องเมื่อยมือในการจับถือหรือกลัวตก และบางคนอาจจะคิดว่า ยุ่งยากเกินไปที่จะเชื่อมต่อกับไวไฟ และเลือกสื่อบันเทิง”

หลายๆ คนบอกว่า คงไม่ชอบใจแน่เมื่อถึงปลายทางแล้ว แบตเตอรี่ในโทรศัพท์เหลือน้อย แม้จะมีที่ให้ชาร์ทบนเครื่องแล้วก็ตาม บางคนอาจต้องการใช้อุปกรณ์ส่วนตัวในการทำงานด้านธุรกิจ ก่อนจะเดินทางถึงปลายทาง การที่มีจอหลังที่นั่งให้ความบันเทิงย่อมดีกว่าแน่นอน

สายการบินบางแห่งจึงมุ่งไปที่การพัฒนาอุปกรณ์บันเทิงใหม่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น น้ำหนักลดลง เพื่อช่วงชิงทางการตลาด กับสายการบินที่จะถอดจอพวกนี้ออกไป เพิ่มความเร็วของไวไฟบนเครื่องให้ดีขึ้นกว่านี้ รอเวลาที่เหมาะสมค่อยนำมันออกก็ได้

สายการบินบางแห่งหันไปทำเนื้อหา ความบันเทิง การท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอผ่านหน้าจอ โดยมีการสนับสนุนการโฆษณาจากบริษัทต่างๆ ลดการพิมพ์สื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นเอกสารรูปเล่มลง แล้วให้ผู้โดยสารเลือกชมภาพ และเสียงจากหน้าจอแทน เป็นผลดีในการสื่อสารระหว่างสายการบินผู้ให้บริการ กับผู้โดยสารของเขา ช่วยตรึงให้ผู้โดยสารอยู่ในที่นั่งตลอดการเดินทาง