Airplane Not a Tour Bus.
เครื่องบินนะไม่ใช่รถทัวร์
ก่อนจะคุยต่อ อยากให้ท่านคลิกไปอ่าน พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อน หรือจะเซฟเก็บไว้เป็นคู่มือการเดินทางด้วยเครื่องบินก็ได้ คือการเดินทางด้วยเครื่องบินนี่มันต่างจากการใช้บริการรถโดยสารประจำทาง หรือ รถไฟ นะครับ เริ่มตั้งแต่การเช็กอินซึ่งมีรายละเอียดความปลอดภัยกำกับมากมาย มีนานาข้อห้าม เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้โดยสารอื่นๆ อย่าลืมว่า “ถ้าขาเราพ้นจากพื้นดินแล้ว อะไรๆ ก็อันตรายทั้งนั้น ต้องปลอดภัยไว้ก่อน” ต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน (แอร์โฮสเทสและสจ๊วต) ผู้ควบคุมอากาศยาน (กัปตันและผู้ช่วยนักบิน) เพื่อความปลอดภัย
กรณีเหตุการณ์ในกระทู้ที่เกิดขึ้นสรุปง่ายๆ ดังนี้
- ขอให้เอาเด็กนั่งประจำ Seat ของตนเองและรัดเข็มขัด ทางแม่เด็กก็แจ้งพนักงานกลับไปว่า “เดี๋ยวขอเวลาสักครู่นะคะ เดี๋ยวคุณแม่จะค่อยๆ เอาน้องลงนั่งเอง อาจจะให้น้องเคลิ้มหลับกว่านี้สักหน่อย” แต่สิ่งที่พนักงานตอบกลับมาบอกว่า “ไม่ได้ค่ะต้องทำเดี๋ยวนี้ค่ะ”
- ทางคุณแม่ก็พยายามค่อยๆ วางน้องลงบนเก้าอี้ข้างๆ แต่เนื่องด้วยเด็กง่วง อยากอยู่บนตักของคุณแม่ก็ใช้เวลากันอยู่สักพักนึง ประมาณ (1-2นาที) แต่ก็ยังไม่สามารถเอาเด็กลงประจำที่ได้
ส่วนเรื่อง ทำรุนแรงกับเด็ก นั้น ขอไม่เอามาเป็นประเด็น เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ในฐานะที่ผมก็ทำหน้าที่ประจำอากาศยานมาแล้วเจ็ดปี ผ่านการบริการมาตั้งแต่ชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง จนมาทำหน้าที่เป็นซีเนียร์ดูแลรุ่นน้องๆ ในชั้นบริการทั้งสามชั้นนั้น ก็ขอวิเคราะห์ให้ฟังได้ดังนี้ครับ
ข้อที่ 1 ทราบว่า “กัปตันได้ประกาศให้ลูกเรือและผู้โดยสารทราบว่า กำลังจะนำเครื่องลง (Landing) ที่สนามบินปลายทาง” นั่นหมายความว่า เครื่องกำลังจะลดระดับลงจากเพดานบินปรกติ ซึ่งอาจมีการแปรปรวนของอากาศที่ต่างชั้นบรรยากาศกัน เครื่องอาจมีการโคลงเคลง หรือกระแทกได้ ซึ่งช่วงเวลานี้จะมีเวลาให้ลูกเรือได้ตรวจเช็กผู้โดยสาร เตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย พับชั้น/ถาดวางอาหารด้านหน้า ปรับพนักเก้าอี้ให้ตั้งตรง และเปิดหน้าต่างทุกบาน นานประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น รอไม่ได้ต้องทำทันที เพราะลูกเรือต้องเดินตรวจดูทั้งลำ ให้มีความเรียบร้อยปลอดภัย
เราจะรอนานไม่ได้ เพราะถ้าไม่รัดเข็มขัดขณะเครื่องลง เกิดการกระแทกพื้นแรงไปหน่อย (ซึ่งเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ เช่น ทิศทางลมเปลี่ยน พื้นรันเวย์ไม่เรียบ) ลูกคุณอาจหลุดลอยไปกระแทกกับเพดาน ช่องเก็บของ หรือพนักพิงด้านหน้า จนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เครื่องบินไม่ใช่รถทัวร์นะ ที่จะมาขับวนให้คุณกล่อมลูกหลับก่อนค่อยบินลง การเสียเวลาแม้เพียง 2-5 นาที สายการบินอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนับแสนบาท และกระทบไปยังเที่ยวบินอื่นๆ ที่รอจะบินขึ้นหรือร่อนลงในลำดับถัดไป
ข้อที่ 2 อันนี้คุณสปอยล์ลูกเกินไป ไม่สามารถควบคุมสั่งการลูกได้เลย แบบนี้อย่าว่า แต่เดินทางด้วยเครื่องบินเลย แค่พาไปเดินห้างก็น่าจะยุ่งยากไม่ใช่น้อยครับ คงจะร้องไห้กระจองอแงเป็นแน่ เหมือนข้อ 1. ที่เรา (พนักงานประจำเครื่อง) ให้ไม่ได้ เพราะพวกเราก็ต้องรีบไปประจำสถานี (ที่นั่งประจำของลูกเรือแต่ละคน) เพื่อความปลอดภัยเช่นกัน ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมเด็กๆ ได้ แนะนำว่าไม่ควรเดินทางครับ นี่แค่สายการบินในประเทศนะ เจอแบบ Long Flight จากดูไบไปโอ๊คแลนด์ (นิวซีแลนด์) โดยไม่หยุดพัก 16 ชั่วโมง ชีวิตคงแย่แน่ๆ แต่ผมก็เห็นผู้โดยสารที่นำเด็กทารกยังไม่ถึง 2 ขวบบินไปก็ราบรื่นดีนะครับ
ในสายการบินต่างประเทศ แอร์โฮสเทสที่เห็นสวยๆ บางสายการบินไม่พูดพล่ามทำเพลง ถ้าคุณกำลังเอนเบาะอยู่ ที่วางอาหารตรงพนักพิงยังตั้งเด่ออกมา มีของวางระเกะระกะ เธอไม่สนนะ หยิบของออก เอาวางบนตักคุณ พับที่วางนั้นเก็บ ปรับเบาะ แล้วหันมากดดันให้คุณ “ต้องคาดเบลท์” ถ้าไม่ใส่เธอเอื้อมไปใส่เองเลย ไม่สนไม่ขอโทษใดๆ คือบอกแล้วคุณต้องปฎิบัติตาม และทุกคนก็ย่อมรู้ เพราะมันเป็นกฎ
ถ้าเป็นต่างประเทศแล้ว เค้าบอกคนเป็นแม่แบบนี้ ผู้โดยสารชาติอื่นจะไม่กล่อมลูกต่อ แต่จะเอาลูกนั่งแล้วใส่เบลท์ทันที ไม่ต้องนงต้องนอนกันแล้ว ไม่ได้บอกว่าใครผิด ใครแรงไม่แรงยังไง เพราะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่ตรงข้อความที่ยกมานั่น ในความเป็นจริงคุณทำไม่ได้ และไม่สมควรทำตั้งแต่แรก จะบอกว่าแค่นาทีเดียว สองนาที แต่แอร์เค้าไม่มีอำนาจไปต่อรองกับคนขับเครื่องว่า “พี่กัปตันขาบินวนรอให้ลูกผู้โดยสารหลับก่อนค่ะ” เกิดอะไรขึ้นมามันก็ไม่คุ้มอีกนะครับ
นี่ยังดีอยู่ที่เป็นตอนเครื่องจะลงแล้ว ถ้าเป็นตอนที่เครื่องกำลังแท็กซี่ออกไปเพื่อจะบินขึ้น (Take Off) แล้วคุณไม่ทำตามนี่ ถ้าแอร์โฮสเทสรายงานไปให้กัปตันทราบ กัปตันมีสิทธิเชิญคุณลงจากเครื่อง และไม่ได้เงินคืนจากค่าตั๋ว เผลอๆ อาจจะโดนฟ้องที่ทำให้เที่ยวบินเสียเวลาด้วยนะครับ มีเที่ยวบินหนึ่งมีผู้โดยสารเมา (มาจากที่อื่นหรือสายการบินอื่นไม่ทราบ) มาเอะอะโวยวายขอวิสกี้ตอนกำลังจะบินขึ้น เพอร์เซอร์ที่ดูแลลูกเรือในเที่ยวบินนั้นวิทยุแจ้งกัปตัน กัปตันหันหัวกลับมาที่งวงช้างอีก พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหิ้วปีกไปสงบสติอารมณ์ข้างล่าง ทราบภายหลังว่า สายการบินฟ้องผู้โดยสารคนนี้เรียกค่าเสียหายของเที่ยวบินเป็นล้านบาทครับ
นอกจากความปลอดภัยของตัวคุณเองแล้ว ต้องคำนึงถึงผู้โดยสารคนอื่นบนเครื่องในเที่ยวนั้นด้วย อย่างผมปฏิบัติงานในเครื่อง Airbus A-380 มีผู้ร่วมเดินทางประมาณ 500 คนนะครับ เราต้องเห็นใจคนอื่นๆ ด้วย ลูกหลุดมือออกไปนอกจากลูกเราจะได้รับอันตราย คนอื่นๆ รอบข้างก็อาจโดนกระแทกบาดเจ็บไปด้วย ทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเถอะครับ ลูกเรือทุกคนเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในเที่ยวบิน การบริการอื่นๆ เป็นบริการเสริม เพื่อให้ท่านได้รับความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางนั่นเอง 🙂
นี่ก็เป็นเรื่อง “ผู้โดยสารเขียนต่อว่าด้วยข้อความหยาบคาย เหตุไม่ยกกระเป๋าขึ้นช่องเก็บของให้” ต้องทราบไว้ก่อนนะครับว่า “นี่ไม่ใช่หน้าที่ของแอร์โฮสเทส หรือแม้แต่สจ๊วตหุ่นล่ำอย่างผม” เพราะอะไรหรือ? ก็เพราะระเบียบเรื่องความปลอดภัยในการบินระบุว่า “ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าส่วนตัวขนาดเล็ก ที่สามารถยกได้ด้วยตนเอง มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม” ขนาดตามในรูปข้างล่างนี้ และยกเก็บได้ด้วยตนเอง
ถ้ากระเป๋าใหญ่และหนัก ก็สามารถโหลดเข้าเก็บในส่วนใต้ท้องเครื่องได้อยู่แล้ว และมีขนาด/น้ำหนักตามที่สายการบินกำหนด เช่น 15 – 20 กิโลกรัม ถ้าน้ำหนักเกินก็ต้องจ่ายค่าระวางเพิ่ม บางคนลากกระเป๋าใบ่ใหญ่โตมาจากหน้าสนามบินขึ้นบนเครื่องได้ แต่พอจะยกขึ้นเก็บดันเป็นโรคอ่อนแรงกระทันหันซะงั้น ที่ร้ายกว่านั้นขนาดมันใหญ่เกินกว่าที่จะยัดลงในช่องเก็บของได้ แน่นอนพนักงานก็ต้องให้คุณไปทำเรื่องโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องก่อน เสียทั้งเวลาและอารมณ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย บางทีถึงขั้นต้องบินกับเที่ยวบินอื่นเลยก็มี เพราะไม่ทันเวลา (หัดอ่านระเบียบเสียบ้างนะ เขาติดตั้งป้ายแจ้งที่ขุดเช็กอินชัดเจนแบบข้างล่างนี้) เห็นชัดไหม?
การที่คุณมาเขียนจดหมายด่าพนักงานนี่หมายความว่า “คุณแย่ ไม่เคยใส่ใจระเบียบการอยู่ร่วมกันของสังคม เห็นแก่ตัวมากๆ” ไม่ใช่พนักงานเขาไร้น้ำใจหรอกครับ ถ้าเป็นคนแก่ คนที่มีความสูงไม่ถึง (เด็ก) พอที่จะยกกระเป๋าขึ้นเคบิน พวกเราก็ช่วย แต่คนที่ดูแข็งแรงกำยำลากกระเป๋าใบใหญ่มานี่ ขอเบ้ปากมองบนนิดหนึ่งนะ
ส่วนมากเราก็ช่วยนะ ยิ่งคนแก่ คนตัวสูงไม่ถึง พวกเราช่วยแน่นอน ถ้ากระเป๋าคุณน้ำหนักไม่เกินกว่าที่กำหนด แต่ส่วนมากที่ยกไม่ไหวก็เกินกำหนดกันเกือบทั้งหมดล่ะ บางท่านก็ชี้นิ้วสั่งเราแล้วใช้คำพูดไม่ดีกับพวกเราก็มี โดนด่าว่าไม่มีน้ำใจนี่บ่อยมากๆ คืออยากให้เห็นใจพวกเราด้วย บางทีลูกเรือก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับผู้โดยสาร แล้วลูกเรือก็มักจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหลังอักเสบกันมากด้วย บางครั้งเราไม่อยากปะทะกับผู้โดยสาร เราก็จะเรียกเพื่อนๆ มาช่วยกันยกก็มี ดูความเห็นของผู้โดยสารแบบเดียวกันกับท่านดูนะ (เดี๋ยวจะว่าพวกเราแก้ตัว)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและเข้าใจพวกเรา การทำงานพวกเราทำเต็มที่อยู่แล้ว พนักงานบนเครื่องไม่กี่คนต้องรับมือกับผู้โดยสารนับร้อย ก็ลำบากใจเหมือนกันครับ เมื่อเดินทางไกลท่านควรพึ่งตนเองให้มาก อย่าให้เป็นภาระของคนอื่น นี่คือคติของนักเดินทางท่องเที่ยวที่ดีครับ 😛