Qatar Experience
Qatar Cabin Crew Experience.
วันนี้ ได้รวบรวมแนวทางการสมัครแอร์กาตาร์มาให้อ่านกัน เพราะมีถามกันมามาก อาจจะเป็นเพราะสายการบินนี้ชอบสาวๆ คนไทย หรือชอบมารับสมัครกันที่ประเทศไทยบ่อยๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ก็เลยรวบรวมมาจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ที่ผ่านการคัดเลือกมาให้อ่านกันแบบสรุปภาพรวม การเตรียมตัว การสมัคร การสอบสัมภาษณ์ครบจบบทความเดียว ผมเคยไปสมัครสจ๊วตครั้งแรกในต่างประเทศกับสายการบินนี้ โดยไปสมัครที่สิงคโปร์แต่ไม่ผ่านรอบ Pre-Screen ด้วยอ่อนด้อยประสบการณ์มาก ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก ทั้งเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม (อ่านได้ที่นี่ ตอน 1 และตอน 2) และอาจเป็นที่เขาเลือกผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยมั๊ง เลยตกตั้งแต่ยื่น CV ก็เลยอยากเอาประสบการณ์ของสาวๆ คนอื่นที่ประสบผลสำเร็จ มาให้อ่านกันครับ
คุณสมบัติเบื้องต้นของสายการบินนี้
- Minimum of 21 years
- Minimum arm reach of 212 cms
- High school diploma
- Fluency in written and spoken English
- Outgoing personality with excellent interpersonal skills.
- Ability to work within a multinational team
- A love of travel
- Passionate about customer service
- Excellent health and fitness
- Willingness to relocate to Doha, Qatar
หลายๆ คน (เว็บไซต์ข่าวรับสมัครลูกเรือในไทยนี่แหละ พาดหัวซะเว่อ!) บอกว่า “สายการบินนี้ไม่ระบุส่วนสูงและน้ำหนัก ไม่สนใจผลสอบ TOIEC เลย“ จะบอกว่าอย่างนั้นก็อาจ “ใช่” แต่ไม่ถูกทั้งหมด ดูที่เรื่องส่วนสูงก่อน ถ้าคุณสูงน้อยกว่า 158 เซนติเมตร โอกาสที่คุณจะเขย่งเท้าเอื้อมแตะที่ระดับ 212 เซนติเมตร มันเป็นไปแทบไม่ได้เลย ถ้าคุณแขนไม่ยืดยาวๆ ได้แบบแม่นาคพระโขนง จริงม๊ะ! ดังนั้นควรสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักได้สัดส่วนกับความสูง คือเอาส่วนสูงเราลบด้วย 110 บวกลบซัก 5 กิโลกรัม กำลังพอเหมาะ (เขาเรียก ดัชนีมวลกาย BMI) ค่า BMI ควรอยู่ที่ประมาณ 18.5 – 22.9 สำหรับคนไทย ยกเว้นบางสายการบินที่กำหนดช่วงน้ำหนักมาเป๊ะๆ นะ (อันนั้นค่อยว่ากัน) รูปร่างสมส่วนนะดีที่สุดบอกเลย
มาดูที่เรื่องภาษาอังกฤษกันบ้าง Fluency in written and spoken English นี่คงไม่ธรรมดาแน่นอน การสอบ TOIEC บอกได้เลยว่าเกิน 600 แน่ๆ ครับ ถ้าคุณสอบได้คะแนนต่ำกว่านี้โอกาสจะรอดเข้าไปค่อนข้างยาก ต้องดวงเฮงจริงๆ เท่านั้น (ถ้าถามว่า มีสายการบินที่เอา TOIEC ต่ำๆ มีไหม มีอย่างสายการบินหลายสายในเวียดนาม ระบุที่ 400 แต่คนไปสมัครแต่ละคนก็เกิน 550 เสียส่วนใหญ่ล่ะครับ)
เว็บไซต์ของกาตาร์สำหรับค้นหาตำแหน่งงาน เลือก Job Function เป็น Cabin Crew แล้วคลิกปุ่ม GO
การสมัครเข้ารับการคัดเลือก
ถ้าเขาเปิดแบบ Open Day ก็ไม่ต้องสมัคร ถึงวันก็ไปได้เลยพร้อมเอกสารต่างๆ เช่น Resume/CV ใบรับรองวุฒิการศึกษา ใบรับรองผลการสอบภาษาอังกฤษ TOIEC (แม้เขาจะไม่ระบุก็เอาไปเถอะ) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พาสปอร์ต และภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว และภาพถ่ายเต็มตัวขนาดโปสการ์ด (ที่มีเฉพาะเราคนเดียว ไม่ผ่านการตกแต่ง คือไม่ Photoshop นั่นแหละ) เดินเข้าไปยื่นเอกสารได้เลย แต่คู่แข่งจะเยอะหน่อยนะ และต้องไปกันแต่เช้าๆ ก่อนเวลานัดกันสัก 1-2 ชั่วโมง
คลิกเลือกสถานที่ที่เราสนใจสมัครกันได้เลย
ถ้าเป็นแบบ Assessment Day จะต้องทำการสมัครทางออนไลน์ ที่เว็บไซต์ของบริษัทก่อน เพื่อรับการยืนยันด้วยจดหมายเชิญ และได้หมายเลขลำดับการสมัคร (Invited and ID) ของสายการบินกาตาร์ไปที่นี่ได้เลย เพื่อเลือกสถานที่ที่เราต้องการจะสมัคร ดูรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน จะเห็นว่า เราต้องเตรียมเอกสารอะไร ให้ทำการ Scan เอกสารทุกอย่าง ให้เป็นรูปไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (ไฟล์ PDF และรูปภาพ JPG ให้พร้อม) แล้วทำการคลิกที่ปุ่ม Apply for this Vacancy เพื่อยื่นใบสมัครกันเลย
ตำแหน่งงานที่เราสนใจจะมีรายละเอียดสถานที่ วัน/เวลา ถ้าสนใจเลื่อนลงอ่านรายละเอียดคลิก Apply
หลังสมัครไปแล้ว จะมีอีเมลเด้งเตือนว่า เราสมัครเรียบร้อย และรอประมาณ 3-7 วัน จะได้ใบ INVITATION เพื่อนำไปแสดงตัวในสถานที่สัมภาษณ์ ซึ่งในใบอินไว้ต์นี้ จะมีข้อมูล วัน เวลา และสถานที่ ที่เค้านัดสัมภาษณ์ และเอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วย เตรียมให้พร้อมแล้วไปตามวันเวลานั้นๆ เลย
มีคำถามมาอีกว่า Open Day จะสมัครออนไลน์ได้ไหม? ได้ครับถ้าในเว็บเขามีฟอร์มให้ลงทะเบียน ถึงแม้จะไม่ได้รับจดหมายอินไวต์มา แต่เราก็ไปยื่น CV ได้โดยตรง แต่ถ้ามีอินไวตฺมาด้วยก็ยิ่งดี เพราะเราจะได้เปรียบคือ มีความสนใจในการทำงานกับเขามากกว่าคนที่ไม่ยื่นอะไร
คราวนี้มาว่ากันถึงการไปร่วมกิจกรรมการสัมภาษณ์ ขอรวบเอาทั้งสองแบบ Open Day & Assessment Day รวมกันเลย เพราะต่างกันที่การไปยื่น CV กับไปยื่น Invited เลยเท่านั้นเอง กิจกรรมขั้นตอนอื่นๆ เหมือนกัน (แต่คู่แข่งจะมาน้อยต่างกันเท่านั้น) ก่อนไปสัมภาษณ์ ขอให้ตรวจสอบก่อนนิดหนึ่ง
ภาพถ่ายสำหรับยื่นสมัครแบบภาพเต็มตัวในชุดที่เราคิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง
- เสื้อผ้า ชุดที่สวมใส่ ควรเป็น Business Attire ชุดสูท สีน้ำเงินสว่างทั้งชุด ยาวถึงข้อมือ เสื้อด้านในเป็นผ้าลื่น กระโปรงยาวปิดเข่า
- รองเท้าส้นสูง 2 นิ้วครึ่ง สีครีม หรือใครจะใส่สีดำก็ได้ ที่เห็นว่าเข้ากับชุดก็แล้วกัน
- นาฬิกาข้อมือ ต้องมีเพื่อไว้ดูเวลา แบบเรียบๆ สุภาพ (ไม่มีสีฉูดฉาด ไม่ประดับเพชรแวววาว)
- ต่างหูเล็กๆ ไข่มุก (หรือเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ ก็ได้ ที่ดูสุภาพ)
- ผมติดเน็ท เกล้ามวย ฉีดสเปรย์ ปาดเจล ตามลุคของแอร์สายการบินนี้เลย (ดูภาพลูกเรือเขาเป็นตัวอย่างได้)
- แต่งหน้า โทนธรรมชาติ ที่เน้นรูปหน้าเราให้ดูหน้ามอง ปากแดง ไม่ติดขนตา ปัดมาสคาร่า ไม่สวมแว่นสายตา ใส่คอนแทคเลนส์ใสๆ ได้ ห้ามใส่แบบเป็นสีๆ นะ
- ทาเล็บ จะทาสีแดงไปเลย หรือใครชอบสีไหนก็ทาได้ ที่ดูสุภาพ เช่น สีใส สีนู้ด ที่เข้ากับผิวของเรา
- เอกสาร ที่ต้องเตรียม Resume/CV + รูปถ่าย (พื้นหลังสีฟ้า) + พาสปอร์ต + ใบรับรองวุฒิการศึกษา (ใครเรียนมหาวิทยาลัยยังไม่จบหลักสูตร ใช้วุฒิ ม.ปลายแทนได้เลย) เตรียมรูปถ่ายและสำเนาไปเผื่อๆ ไว้ด้วยนะ เกินดีกว่าขาดจ้า
ภาพถ่ายขนาด Passport Size สำหรับการสมัครติดใน Resume/CV
วันที่ 1 : Pre-Screen
เรียกกันง่ายๆ ว่า CV Drop หรือ Pre-Screen หรือ รอบดูตัว นั่นแหละ แนะนำว่าไปยังสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้แต่เช้าๆ เลยนะ สำคัญมากเพราะคุณจะไปพบกับกองทัพผู้สมัครนับพันคน บางแห่งเกิน 3-4 พันคนจนต้องแบ่งรอบ CV Drop เป็น 2-3 วันก็มี (แนะนำให้ไปวันแรกดีที่สุด ไปแค่วันเดียวนะ)
สถานที่ปกติจะเป็นห้องโถง ห้องประชุมใหญ่ๆ จัดเก้าอี้เรียงไว้เป็นแถวให้เราเข้าไปนั่งรอกัน แนะนำว่าถ้าได้แถวหน้าก็นั่งเลย (อย่าเป็นนักเรียนหลังห้องจะเสียโอกาสเยอะ) ถ้ามีผู้สมัครเยอะมากแต่สถานที่ไม่เพียงพอ จะมีการแจกบัตรคิว เพื่อเข้ายื่นเอกสารตามลำดับที่กำหนดเป็นชุดๆ รอบละประมาณ 800+ รอบนี้ถ้าไม่มีเพื่อนไปสมัครด้วยควรมองหาคนที่สมัครในวันนั้นแหละทักทาย สร้างความคุ้นเคยเป็นมิตรเข้าไว้ เพื่อลดความกดดัน ความตื่นเต้นต่างๆ ลง ไม่แน่เราอาจจะเจอเพื่อนเหล่านี้ในรอบลึกเข้าไป ที่ต้องทำการ Discussion จะได้ไม่เป็นคนแปลกหน้ามากนัก จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการ Drop CV กับคณะกรรมการ
ลักษณะห้องประชุมที่ใช้ในวัน CV Drop ภาพจากการรับที่กระบี่
ในห้องจะมีการวางโต๊ะกรรมการไว้ 3-4 ที่ ด้านหน้า พอได้เวลาก็จะเปิดโอกาสให้ทุกคนไปยื่นเอกสารกับกรรมการ ในขั้นตอนนี้ กรรมการแต่ละคนอาจจะมีขั้นตอนที่แตกต่าง และความช้าเร็วจะต่างกันด้วย เมื่อถึงคิวเราก็ให้กวาดสายตาว่า กรรมการคนไหนว่าง แล้วตรงเข้าไปแนะนำตัวพร้อมวางเอกสารได้เลย บางทีเรายังไม่ได้เอ่ยปากอะไร แต่กรรมการจะถามมาก่อนก็มี ถ้าให้ดีเราควรทักทายกรรมการก่อนจะดีที่สุด ด้วยการทักทายแจ้งชื่อ-นามสกุล ยิ้มๆๆๆ เข้าไว้ พร้อมยื่น CV ไป กรรมการจะเอาไปดูผ่านๆ หรือบางคนอาจจะดูละเอียด และทักทายเราไปด้วย จังหวะนี้อย่าให้เกิด Dead Air (ความเงียบ) ควรชวน/ทักทายกรรมการในเรื่องต่างๆ ซึ่งแสดงให้เขาเห็นในความสามารถการใช้ภาษา มีความเป็นมิตร (Friendly)
กรรมการบางคนอาจจะให้เราเดินไปเอื้อมแตะที่ระดับความสูง 212 เซนติเมตร บางคนก็ไม่ต้อง ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที คือแบบเร็วมากๆ ตามจำนวนผู้สมัครในวันนั้น กรรมการพึงพอใจคนไหนก็จะยื่นกระดาษให้ (เป็นใบบอกวัน/เวลาในรอบถัดไป) ซึ่งกรรมการจะพับจนกระดาษใบนั้นเหลือนิดเดียว พร้อมกับบอกเราว่า “This is a confidential paper, keep it as a secret and do not tell anyone.” ถ้าเรารับมาทำท่าจะแง้มดู กรรมการจะย้ำอีกว่า “Hide it” เราต้องเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ กล่าวขอบคุณและเดินออกมาทันที
Tip : ความสำคัญของรอบนี้ คือ การยิ้มแย้ม บุคลิกในการเดิน การยืน การพูด สำคัญมากเลย รอบนี้วัดกันที่ First Impression เลย ต้องเป๊ะที่สุด เท่าที่ทำได้ เพราะบอกเลยว่า ผ่านกันน้อยมากในรอนนี้ สู้ๆ
วันที่ 2 : Assessment + Final Day
ในรอบนี้ จะมีเฉพาะผู้ที่ได้รับเอกสารลับมาจากรอบ Pre-Screen ซึ่งจะมีน้อยกว่ารอบก่อนๆ คือเหลือประมาณ 100+ เท่านั้น ต้องมาแต่เช้าก่อนเวลานัดเหมือนเดิม สำคัญมากนะ เพราะอาชีพนี้สำคัญที่สุดคือตรงต่อเวลา มาถึงก็จะเจอเพื่อนๆ ที่ผ่านการคัดเลือกมาออยืนรอกันอยู่หน้าห้องประชุม ก็เหมือนเดิมแหละ ทำตัวให้เป็นมิตรพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นคู่แข่ง กรรมการอาจจะดูพวกเราที่มุมใดมุมหนึ่ง ณ เวลานั้นก็ได้ พอได้เวลากรรมการก็จะมาแจกสติ๊กเกอร์หมายเลขประจำตัว ตามที่ระบุในเอกสารลับนั่นเอง หาพวกคลิปดำเล็กๆ ติดตัวมาหนีบด้วยนะ (มันติดบนเนื้อผ้าแล้วหลุดออกง่ายจัง)
จากนั้นก็เข้าห้องประชุม ซึ่งมีขั้นตอนสำคัญรออยู่ เมื่อถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทักทาย สอบถามด้วยความเป็นกันเอง เปิดวิดีโอแนะนำกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ และสายการบิน Qatar Airways จากนั้นก็อธิบายเกี่ยวกับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ผลตอบแทนของลูกเรือสายการบินการ์ตาร์ แนะนำว่า ให้ตั้งใจฟังและจดจำไว้บ้างนะ เดี๋ยวอาจจะไปเจอคำถามจากกรรมการ ถ้าตอบได้ก็แสดงว่าเราสนใจที่จะทำงานกับเขา (จริงๆ แนะนำให้ศึกษามาล่วงหน้าเรื่องข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทในเว็บไซต์ หรือใน Youtube เยอะแยะ)
สาว-หนุ่มผู้มาหาโอกาสกับกาตาร์ไม่ได้มีแต่คนไทยนะ (ถ้าเขาเปิดแบบทั่วไปไม่จำกัดสัญชาติ)
English Test (30-40 minutes)
กรรมการจะเริ่มทักทาย แนะนำตัว และบอกคร่าวๆ ว่า รอบนี้คือ รอบการทดสอบภาษา English Test และให้คำแนะนำเราว่า “BE YOURSELF, DON’T TRY TO BE SOMEONE ELSE” ทำเป็นตีงง ก็ตามนั้นเลย พูดจบกรรมการเริ่มแจกข้อสอบให้ทีละคน โต้ะหนึ่งนั่งได้ 3 คน คนนั่งติดกันจะได้คนละเซทกัน ข้อสอบมีอยู่ 3 เซท ลอกกันไม่ได้จ้า จงมีสติๆ ท่องไว้ๆ
Part 1 : Vocabulary ศัพท์ง่ายๆ ไม่ยาก จับคู่ความหมาย มีให้อ่านเป็นการบรรยายปัญหาที่เกิดบนเครื่อง แล้วคำถามจะเป็นบทสนทนา General Requirement สั้นๆ ระหว่าง Passenger กับ Cabin Crew ให้เลือกคำไปใส่ในช่องว่างที่กำหนดให้ถูกต้อง
Part 2 : Grammar ง่ายๆ ตาม Tense เอาให้ชัวร์นะ ใครไม่ชัวร์ต้องไปฝึกฝนมาดีๆ ไม่ได้ยากไปกว่า TOIEC นักหรอก
Part 3 : Reading ตอบคำถามจากเนื้อเรื่อง จากการอ่านประโยคยาวๆ บทความจะยาวประมาณ 1 หน้ากระดาษ A4 แนะนำให้อ่าน Press Releases ในเวปไซต์ของบริษัทมา เกี่ยวกับพวกรางวัล Skytrax ที่สายการบินได้รับมาล่าสุดไปเลย จะได้ชินกับการอ่านบทความยาวๆ และถึงแม้ว่าจะไม่เจอบทความนี้เป๊ะๆ ยังไงมันก็จะเป็นความรู้รอบตัวให้เอาไปตอบในรอบ Public Speaking ได้อยู่ดีนะจ๊ะ
Part 4 : Calculating บวก ลบ คูณ หาร เช่น ถ้าบินจากที่นี่เวลานี้ จะถึงที่โน่นกี่โมง ถ้า GMT จะเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ และอื่นๆ
Part 5 : Essay ดูแกรมม่านะ ว่าใช้ Tense ถูกรึป่าว กับเนื้อหาที่เขียน
มีบางรอบที่รุ่นพี่บางคนบอกว่าไม่มี Essay แต่คงจะเอาไปรวมไว้ใน Part 1-4 ก็ได้มั๊ง เอาจริงๆ คือไม่ได้ยากมากแต่ก็กดดันมาก เพราะพอทำๆ ไป จะรู้สึกว่ามันมีข้อถูกหลายข้อ แต่กรรมการบอกว่าข้อที่ถูกมันมีแค่ข้อเดียว ก็เลยต้องไปลุ้นเอาว่าอย่าให้ผิดเกินข้อ หรือสองข้อ ตอนนั่งทำข้อสอบจะต้องมีสติเยอะๆ หน่อย แล้วปากกาที่ใช้ก็ต้องเป็นแบบ Persistent Pen (Water Proof ลบไม่ได้) ห้ามใช้ปากกาลบได้ เพราะกรรมการให้เหตุผลว่า “หมึกมันจะจางได้”
บรรยากาศรับลูกเรือของกาตาร์ที่อินเดียปี 2018
กรณีที่ไปเจอรอบที่มี Essay ก็จะมีหัวข้อมาให้ แล้วให้เราเขียนเป็นเรื่องสั้นๆ ความยาวประมาณ 50-150 คำ โดยมีองค์ประกอบให้ครบ 3 ส่วนคือ Introduction (เกริ่นนำ) Body (เนื้อหา) และ Conclusion (สรุป) ตัวอย่างเช่น ให้หัวข้อ “The Greatest Discovery” เขียนเรื่องอะไรไปก็ได้ จะให้ง่ายก็เขียนประสบการณ์ตัวเองลงไป เช่น ประสบการณ์ในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก ได้พบเห็นอะไรมาบ้าง มีปัญหาแล้วแก้ไขอย่างไร ให้เข้าท่าหน่อยก็สรุปตบท้ายไปเลยว่า ถ้าได้เป็น Qatar cabin crew ในการสอบครั้งนี้ ก็คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ discover สถานที่ใหม่ๆ แน่นอน
กรรมการใช้เวลาตรวจประมาณชั่วโมงหนึ่ง ระหว่างนั้นเราก็ออกมารอกันข้างนอก พอกรรมการตรวจข้อสอบเสร็จแล้ว ก็จะเรียกพวกเราเข้าไปห้องเดิมที่ทำข้อสอบ กรรมการคนหนึ่งก็จะพูดขึ้นว่า “หมายเลขต่อไปนี้ให้เดินตามเขาออกไปข้างนอก” ซึ่งจะปรากฎว่า “ไม่มีเลขที่ของเรา” (คนที่สอบผ่าน) ในตอนนั้นแน่ล่ะ! แอบใจแป้ว เครียด คือมันตื่นเต้นมากๆ อ่ะ ลุ้นมากๆ บรรยากาศก็เงียบเหลือเกิน แอร์ในห้องก็ยังจะหนาวเข้าไปอีก
พอคนที่ถูกกรรมการขานหมายเลขเดินออกไปจนหมดแล้ว กรรมการอีกคนที่เหลือก็จะบอกกับคนในห้องว่า “ดีใจด้วยนะ คุณได้ไปต่อ” คือแบบเข้าใจความรู้สึกป๊ะ เหมือนดูแข่ง AF อ่ะ ลุ้นเว่อออ… กรี๊ดกร๊าดกันไป 55555 แต่คนเข้ารอบเยอะอยู่เหมือนกัน มุกนี้ดูเหมือนจะใช้กันเกือบทุกครั้งเลย เดินออกคือตก รออยู่คือได้
Chit Chat / Arm reach (212 cm) / Scar, Birthmark, Tattoo declaration
รอบนี้คือ เอื้อมแตะที่ความสูง 212 เซนติเมตร ด้วยแขนเหยียดตรงซ้าย ขวา ทีละข้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง ซึ่งก็คือห้องเดิมที่เป็นห้องในรอบ Pre-Screen นั่นล่ะ จะมีไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่างจ้าเลยทีเดียว จงกลบแผลเป็น หลุมสิวกันมาให้ดีๆ ด้วยเด้อ เพราะอานุภาพแห่งแสงสว่างนั้นเจิดจ้านัก มาเพื่อตรวจผิว แผลเป็น รอยสัก และตอบคำถามตามหัวข้อที่กรรมการเลือกให้ รอบนี้จะเข้าไปทีละคน ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีก็เสร็จ เรียงตามลำดับ กรรมการจะดูแบบละเอียดมาก
บรรยากาศการยื่นจดหมาย Invited รับสติกเกอร์หมายเลข ID ก่อนร่วมกิจกรรมสัมภาษณ์
ถ้าเรามีแผลเป็นนิดๆ หรือหลุมสิวก็อย่ากังวลมากนัก บอกกรรมการไปเลยว่า เรามีอยู่ตำแหน่งนี้ แต่ได้กลบด้วยเครื่องสำอางค์มาแล้ว กรรมการจะดูแล้วมักจะบอกว่า “ไม่เห็นมีนี่” เราแสดงความจริงใจไปเลยนะ เมื่อเสร็จแล้วก็ออกมารอข้างนอก ซึ่งค่อนข้างจะนานนน.. มากเพราะตรวจละเอียดยิบกันทีละคน (คำแนะนำคือ ควรทานอาหารเผื่อไว้นะ อาจจะหิวและไม่มีเวลาไปหาทานในช่วงนั้น ด้วยกังวลจะถูกเรียกตัวแล้วพลาดโอกาสนั่นแหละ)
คำถามรวบรวมมาจากเพื่อนๆ หลายคนในรอบนี้ เช่น
- If you can choose to be an animal, what would you be and why?
- In your opinion, what do you think about smoking in public?
- How can you make the world the better place?
- If you are able to have a special power, which kind of power do you want?
- Do you think manner is matter and why?
- You mentioned that you were a Guest Service Agent Trainee for Etihad Airways, How was it?
- A time when you got lost somewhere.
- What’s advantage of social media?
- What do you know about Qatar?
- What do you know about Qatar Airways?
- What is a biggest concern in Thailand?
- What is your biggest regret in life?
- If you could be a celebrity, who do you want to be and why?
- What do you do in your free time?
- If you won a lottery 1 million dollars, what would you do and why?
- What is your talent?
- How did you solve a problem at work?
ในรอบนี้ กรรมการจะประกาศผลเป็นหมายเลขของคนที่ได้ ส่วนใครไม่โดนเรียกก็ให้กลับบ้านได้เลย ก็นึกว่าจะจบแล้ว ที่ไหนได้ยังมีรอบ
Group Discussion :
รอบนี้จะเหลือเพื่อนๆ ไม่น่าจะถึง 40 คน กรรมการคงมีเป้าหมายที่จะรับไว้จำนวนหนึ่ง คัดเลือกมาจากที่ดีที่สุด แล้วก็ให้แบ่งกลุ่มกันประมาณกลุ่มละ 10 คน แล้วให้คำถามมาให้ช่วยกันคิด และหาคำตอบที่ดีที่สุดออกมา ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งแต่ละคนต้องพยายามพูดให้เหตุผลโน้มน้าว เพื่อให้เพื่อนในกลุ่มคล้อยตาม เราต้องพยายามพูดแสดงออกให้ได้ เพราะกรรมการจะดูพวกเราและให้คะแนนอยู่ตลอดเวลา ใครไม่แสดงออก ไม่พูดเลย โอกาสที่จะตกรอบมีมาก กรรมการไม่ได้ให้คะแนนที่คำตอบว่าถูกหรือผิด แต่จะดูจากความเป็นผู้นำ ผู้ตาม ความสามัคคีกันในทีมเป็นหลัก ในรอบนี้บางทีจะเรียกว่า Public Speaking คือการให้พูดแสดงออกต่อหน้าคนอื่นๆ นั่นเอง
รอบนี้มีโอกาสตกรอบได้แต่ไม่มากนัก หลังประกาศผลได้ผู้เข้ารอบสุดท้ายแล้ว ก็จะได้รับแจก Application form ให้เราบันทึกรายละเอียดต่างๆ ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็น ปาน และรอยสัก ส่งให้กับกรรมการ และจะได้รับนัดหมายวัน/เวลาสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้าย
เตรียมเอกสารให้พร้อมเผื่อเหลือเผื่อขาด อย่ากดดันตัวเองมากนัก
Final Interview :
ควรมาก่อนเวลาเหมือนเดิม ถ้าเราได้คิวหลังๆ ก็จะได้มีเวลาเตรียมตัว แอบดูคำถามเพื่อนก่อนหน้าเราว่า เจอคำถามอะไรบ้าง ส่วนใหญ่โดนถามกันในเรื่องที่เราเขียนระบุมาใน Resume/CV นั่นแหละ ซึ่งจะมีกรรมการคนหนึ่งถาม และอีกคนจะจดบันทึกทุกอย่างที่เราตอบ พร้อมกับสังเกตุท่าทางของเราไปด้วย
Tip : ในรอบนี้คำถามจะเชื่อมกันไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเลือก Personality ที่คิดว่าเป็นตัวเราที่สุด แล้วพูดย้ำไปว่า Personality อันนี้แหละที่ทำให้เราเหมาะกับคนที่กรรมการกำลังมองหา ตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด ให้ดูลื่นไหลไป มองว่ากรรมการเป็นรุ่นพี่เรา เหมือนเราคุยกับพี่ ไม่ต้องเกร็ง ไม่กดดัน มีสติทุกเมื่อเวลาตอบ ยิ้มตลอด ท่านั่ง การวางมือ-ขาควรอยู่ตรงไหน แนะนำให้คิด ฝึกมาจากบ้านเลย ฝึกยิ้ม ฝึกพูด ฝึกตอบคำถาม ถึงเวลาจริงๆ แทบจะไม่มีเวลาให้คิดเลย ลองกับกระจกเงาที่บ้านให้คล่อง
หลังจากนี้ :
- บริษัทจะส่ง Link มาให้เราเข้าไปกรอกข้อมูลใน Online Application และอัพโหลดรูปพื้นหลังสีฟ้า ทั้ง Full-Length และ Passport Size รอบนี้แค่ให้ที่ร้าน Touch up นิดๆ นะแต่ No Photoshop ให้เกินจริง และไม่ต้องติดขนตาปลอม กรอกข้อมูล รายละเอียดต่างๆ อีกรอบ
- อาจจะต้องส่งรูปถ่ายแผลเป็น ทั้งแบบไม่ปกปิด และแบบปกปิดด้วยเมคอัพ ที่มือ (ถ้ามี) และถ้ามีที่ขา ก็แบบไม่ใส่และใส่ถุงน่องด้วย (กรรมการจะบอกเราในรอบ Final Interview กรณีที่มี)
- ส่งเอกสารการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน ในโรงพยาบาลที่กำหนด Proof of valid Yellow Fever Vaccine, Blood Group Certificate และ Scanned Passport เพิ่มเติม (กาตาร์เขาแนะนำ โรงพยาบาลพญาไท และฉีดวัคซีนไข้เหลืองที่ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย)
- เมื่อได้อีเมลยืนยันว่า Completed ในทุก Process แล้ว ก็ตรวจสอบว่าทางสายการบินได้ทำวีซ่าเข้าประเทศให้เราหรือยัง ตรวจสอบจาก Link นี้
เอกสารรับรองจากโรงพยาบาล/สถานเสาวภา สภากาชาดไทยในการฉีดวัคซีนไข้เหลือง
ก็รออีเมล์ยืนยันวันเดินทางไปยังกาตาร์ และวันเริ่มการเทรนได้เลย โดยเขาจะให้เราไปติดต่อที่ สำนักงานสายการบินกาตาร์ในประเทศไทย เพื่อรับตั๋วโดยสาร และทำเอกสารการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ กับกระทรวงแรงงานของไทย อย่าเอาแต่ยิ้มดีใจนะ คุณยังจะได้การบ้านเป็น “สมุดบันทึกการเดินทาง” การสังเกตการทำงานของลูกเรือกาตาร์ ในเที่ยวบินแรกของคุณด้วย เพื่อนำไปส่งครูฝึกก่อนเข้าเทรนนิ่งด้วยจ้า ขอให้โชคดี… 🙂 😛 😀
พี่คะ หนูได่เมลล์ให้upload scar declaration
ตรงข้อศอก
แต่เค้าไม่ได่บอกว่า ให้มีแบบbefore and afterลงเมคอัพที่แผลเป็น
หนูทำ2versionไปเผื่อดีมั้ยคะ
ดีครับ เผื่อไว้เลย แต่จริงๆ เขาคงแค่อยากดูตอนที่เราปกปิดไว้ว่าผ่านไหม เนียนไหม แค่นั้นแหละครับ
พี่คะ หนูได้เมลล์เมดช้ากว่าเพื่อนคนอื่น แต่ก้อไม่มีเมลล์ให้ดีแคร์เพิ่มนะคะ
หนูจะมีสิทธิ์ตุ้บมั้ยคะ